เอเจนซีส์/เอพี/MGRออนไลน์ - ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ วันศุกร์ (22 พ.ย.) เปิดชื่อว่าที่รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ คนใหม่ สกอตต์ เบสเซนต์ (Scott Bessent) ผู้ก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ชื่อดัง และมือขวาพ่อมดการเงินวอลล์สตรีท จอร์จ โซรอส มองภาษีเป็นเสมือนเครื่องมือคว่ำบาตร
บีบีซีของอังกฤษรายงานวานนี้ (23 พ.ย.) สกอตต์ เบสเซนต์ (Scott Bessent) ผู้ก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ Key Square Capital Management วัย 62 ปี ได้รับการประกาศวันศุกร์ (22) จากว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นรับตำแหน่งรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ในมกราคมที่จะถึงแทน แจเน็ต เยลเลน ในสมัยไบเดน
รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ คนใหม่จะต้องดูแลนโยบายภาษี หนี้สาธารณะ การเงินระหว่างประเทศ และการคว่ำบาตรต่างๆ
เบสเซนต์นั้นเชื่อว่าจะนำตามธรรมเนียมปฏิบัติกลับมาอีกครั้ง
เอพีรายงานเพิ่มเติมว่า ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่คาดหวังว่า มือฉมังผู้จัดการเฮดจ์ฟันด์คนนี้จะช่วยรีเซ็ตระเบียบการค้าโลก สนับสนุนการลดหย่อนภาษีล้านล้านดอลลาร์ จับตาวิกฤตเงินเฟ้อ และจัดการหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้น และสร้างความเชื่อมั่นให้ตลาดการเงิน
"สกอตต์จะสนับสนุนนโยบายผมที่จะขับเคลื่อนความสามารถทางการแข่งขันของสหรัฐฯ และหยุดความไม่สมดุลทางการค้าที่ไม่ยุติธรรม ทำงานเพื่อจะสร้างเศรษฐกิจที่นำการเติบโตในชั้นแนวหน้าโดยเฉพาะผ่านการนำด้านพลังงานโลกของพวกเราที่กำลังจะมาถึง"
ทั้งนี้ แอ็กซิออส (Axiox) ของสหรัฐฯ รายงานว่า เบสเซนต์ วัย 62 ปี เป็นผู้ก่อตั้ง Key Square Capital Management และก่อนหน้านั้นเขาใช้เวลาไม่กี่ปีเคยทำงานให้มหาเศรษฐีวอลล์สตรีท จอร์จ โซรอส ที่ Soros Capital Management ระหว่างปี 2011-2015 ซึ่งจากการที่เขานั้นมีความใกล้ชิดกับทรัมป์ และได้เคยขึ้นเวทีหาเสียงช่วยทรัมป์มาแล้วเมื่อครั้งที่เขาหาเสียงสู้รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กมลา แฮร์ริส ในประเด็นเงินทิปไม่ต้องมีภาษี
และในขณะเดียวกัน เบสเซนต์ยังเป็นสายต่อเชื่อมโซรอสที่ขึ้นชื่อเป็นกระเป๋าเงินของพรรคเดโมแครต และบูกี้แมนของการเมืองปีกขวาของอเมริกา
เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า สกอตต์ เบสเซนต์ เข้ารับตำแหน่งในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีนนั้นเย็นชาระหว่างกัน ถึงแม้รัฐมนตรีคลังสหรัฐคนปัจจุบัน แจเน็ต เยลเลน (Janet Yellen) จะพยายามด้วยการตั้งกลุ่มทำงานการเงินขึ้นมาร่วมกับจีน เพื่อเปิดช่องทางการติดต่อระหว่างกัน
สื่ออังกฤษชี้ว่า วอลล์สตรีทได้จับตาอย่างใกล้ชิดถึงบุคคลที่ทรัมป์จะเลือกเข้ารับตำแหน่งที่สำคัญนี้ที่จะเป็นเสมือนมือขวาคนคุมแผนภาษีทั่วโลกของทรัมป์ที่หลายประเทศหวาดกลัว
CNN รายงานเพิ่มเติมว่า หากว่าเบสเซนต์ได้รับการรับรองจริง เขาจะกลายเป็นรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ คนแรกที่เป็นเกย์ LGBTQ อย่างเปิดเผย อ้างอิงจากเอพี
เบสเซนต์เคยให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กเมื่อสิงหาคมที่ผ่านมาว่า ส่วนตัวเขาเองนั้นมอง “ภาษี” เป็นเสมือนเครื่องมือคว่ำบาตรเพื่อสกัดปักกิ่ง
“...หากคุณไม่ชอบนโยบายเศรษฐกิจจีน ทะลักตลาดด้วยการผลิตมหาศาลเกินความต้องการ (over production) คุณสามารถคว่ำบาตรเหล่านั้น หรือ (ใช้) ภาษีได้ (และ) มันยังเป็นคำตอบต่อการบิดเบือนค่าเงิน (currency manipulation)”
เขากล่าวว่า “ผมคิดว่าภาษีในหนทางหนึ่งถูกมองเป็นเสมือนการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจโดยที่ไม่ต้องคว่ำบาตร”
ทั้งนี้ ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง โดนัลด์ ทรัมป์ได้เสนอที่จะขึ้นภาษีสินค้าจีน 60% และจะขึ้นภาษีสินค้าทุกอย่าง 20% ที่จะเข้าสู่สหรัฐฯ
CNN ชี้ว่า อย่างไรก็ตามนักเศรษฐศาสตร์สายหลักต่างออกมาแสดงความสงสัยต่อ “ภาษี” และมองว่าเป็นหนทางที่ไม่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการเพิ่มรายได้รัฐและสนับสนุนความมั่งคั่ง