Ukraine front could 'collapse' as Russia gains accelerate, experts warn
by BBC
20/11/2024
รายงานของสถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม หน่วยงานคลังสมองในกรุงวอชิงตัน ระบุ ในแนวรบภาคตะวันออกของยูเครนปีนี้ รัสเซียชิงพื้นที่ได้มากกว่าปีที่แล้วเกือบ 6 เท่าตัว ขณะที่ในแนวรบแคว้นคูร์สก์ รัสเซียก็ผลักดันทัพยูเครนที่รุกล้ำเข้ามาให้ถอยกลับไปเรื่อยๆ และยึดดินแดนคืนได้เกือบครึ่งหนึ่งแล้ว
การตัดสินใจของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่อนุมัติให้สหรัฐฯจัดส่งกับระเบิดประเภทต่อต้านบุคคลไปให้แก่ยูเครน รวมทั้งอนุญาตให้ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย บังเกิดขึ้นขณะที่กองทัพรัสเซียกำลังได้รับดอกผลแห่งชัยในพื้นที่แนวหน้าเพิ่มทวีขึ้นทุกที
ข้อมูลจากสถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม (Institute for the Study of War หรือ ISW หน่วยงานคลังสมองแห่งหนึ่งซึ่งตั้งฐานอยู่ในกรุงวอชิงตัน) แสดงให้เห็นว่า รัสเซียสามารถช่วงชิงพื้นที่ในปี 2024 ได้มากเกือบเป็น 6 เท่าตัวของที่เคยตีชิงมาได้เมื่อปี 2023 รวมทั้งยังกำลังรุกคืบมุ่งหน้าไปยังศูนย์ส่งกำลังบำรุงแห่งสำคัญๆ ของฝ่ายยูเครนในภูมิภาคดอนบาส (Donbas) ทางภาคตะวันออกของยูเครน
ขณะเดียวกัน การบุกรุกล้ำแบบสร้างเซอร์ไพรซ์ของยูเครน เข้าไปในแคว้นคูร์สก์ (Kursk) ของรัสเซียนั้น มาถึงตอนนี้กลับกำลังอยู่ในอาการระส่ำระสาย โดยกองทหารรัสเซียเพิ่งผลักดันการรุกของเคียฟให้ต้องถอยร่น พวกผู้เชี่ยวชาญยังตั้งคำถามแสดงความข้องใจเกี่ยวกับความสำเร็จของการบุกครั้งนี้ มีอยู่รายหนึ่งถึงขั้นกำลังเรียกมันว่าเป็น “ความหายนะทางยุทธศาสตร์” เมื่อพิจารณาจากสภาพการขาดแคลนกำลังคนที่ยูเครนเผชิญอยู่
พัฒนาการต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาซึ่งความไม่แน่ไม่นอนกำลังพุ่งพรวด จากการที่คณะบริหารชุดที่ 2 ของโดนัลด์ ทรัมป์ อยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อเข้ารับตำแหน่ง โดยว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯผู้นี้คุยสนั่นว่าจะปิดฉากสงครามคราวนี้ให้ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเขาสาบานตัวครองเก้าอี้เดือนมกราคมที่จะถึงนี้ ซึ่งทำให้บางคนบางฝ่ายหวาดกลัวว่าเขาอาจจะตัดความช่วยเหลือทางทหารที่ให้แก่ยูเครนในอนาคต
รัสเซียบุกคืบหน้าในยูเครนตะวันออก
ในระยะไม่กี่เดือนแรกของสงครามครั้งนี้ เส้นแนวหน้ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยที่รัสเซียยึดพื้นที่ได้อย่างว่องไวก่อนที่จะถูกผลักดันให้ถอยกลับไปจากการตีโต้ของฝ่ายยูเครน แต่เมื่อมาถึงปี 2023 ทั้งสองข้างต่างไม่อาจฉวยคว้าดอกผลสำคัญใหญ่โตใดๆ และการสู้รบขัดแย้งเข้าสู่ภาวะชะงักงันเสียเป็นส่วนมาก
อย่างไรก็ดี ตัวเลขใหม่ๆที่ ISW เปิดเผยออกมา บ่งชี้ให้เห็นว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปี 2024 เอนเอียงไปทางที่ฝ่ายรัสเซียคือผู้ได้เปรียบ ทั้งนี้ ISW จัดทำบทวิเคราะห์ของตนโดยอิงอาศัยพวกคลิปวิดีโอเผยแพร่ทางสื่อสังคมที่สามารถยืนยันความถูกต้องได้ ตลอดจนรายงานต่างๆ เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของกองทหารทั้งสองฝ่าย
ข้อมูลของ ISW แสดงให้เห็นว่า ในปี 2024 เมื่อนับจนถึงช่วงเวลานี้ กองกำลังฝ่ายมอสโกเข้ายึดพื้นที่ของยูเครนไปแล้วราวๆ 2,700 ตารางกิโลเมตร เปรียบเทียบกับที่ยึดได้เพียง 465 ตารางกิโลเมตรในตลอดทั้งปี 2023 ก็หมายความว่าเพิ่มขึ้นเกือบๆ 6 เท่าตัวทีเดียว
ดร.มารินา มิรอน (Marina Miron) นักวิจัยด้านกลาโหม ที่ คิงส์ คอลเลจ ลอนดอน (Kings College London) แสดงความเห็นกับบีบีซีว่า มีความเป็นไปได้ที่แนวรบด้านตะวันออกของยูเครน “อาจจะตกอยู่ในสภาพพังทลายในความเป็นจริง” หากรัสเซียยังคงบุกคืบหน้าได้ต่อไปด้วยฝีก้าวในปัจจุบัน
(Kings College London ราชวิทยาลัยแห่งลอนดอน ถึงแม้ยังคงถือว่าสังกัดอยู่กับมหาวิทยาลัยลอนดอน University of London แต่มีการดำเนินงานอย่างเป็นอิสระ อีกทั้งมีแผนเตรียมการเพื่อเป็นมหาวิทยาลัยอิสระ ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://en.wikipedia.org/wiki/University_of_London -ผู้แปล)
โดยเฉพาะระหว่างวันที่ 1 กันยายน ถึง 3 พฤศจิกายน รัสเซียช่วงชิงพื้นที่ไปได้มากกว่า 1,000 ตารางกิโลเมตร เรื่องนี้บ่งบอกให้เห็นถึงแรงผลักดันของฝ่ายนี้ซึ่งเร่งตัวขึ้นในระยะสองสามเดือนหลังๆ พื้นที่ 2 บริเวณที่กำลังแบกรับแรงกดดันหนักที่สุดจากการรุกคืบเหล่านี้ ได้แก่ เมืองคูเปียนสก์ (Kupiansk) ในแคว้นคาร์คิฟ (Kharkiv) และ เมืองคูราคอฟ (Kurakhove) ซึ่งเป็นก้าวต่อไปของรัสเซียในการมุ่งสู่เมือง โปครอฟสก์ (Pokrovsk) ศูนย์ส่งกำลังบำรุงสำคัญของฝ่ายยูเครนในแคว้นโดเนตสก์ (Donetsk โดยที่แคว้นนี้กับแคว้นลูฮันสก์ Luhansk ซึ่งอยู่ติดกัน รวมกันเรียกว่าภูมิภาคดอนบาส -ผู้แปล)
คูเปียนสก์ และพวกพื้นที่ซึ่งอยู่ทางฟากตะวันออกของแม่น้ำออสคิล (Oskil river) ทางฝ่ายยูเครนสามารถปลดแอกจากการยึดครองของฝ่ายรัสเซียได้ระหว่างการรุกใหญ่ที่แคว้นคาร์คิฟปี 2022 แต่ตอนนี้รัสเซียกำลังชิงพื้นที่บริเวณหลัง กลับคืนไปได้เรื่อยๆ ในรายงานข่าวกรองอัปเดตเมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักรระบุว่า กองกำลังฝ่ายรัสเซียกำลังพยายามเจาะฝ่าผ่านบริเวณชานเมืองด้านตะวันออกเฉียงเหนือของคูเปียนสก์
ในภาพวิดีโอที่มีผู้โพสต์บนโซเชียลมีเดียเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน และผ่านการตรวจสอบยืนยันว่าเป็นของจริงจากบีบีซีแล้ว ก็มีความสอดคล้องกับการวิเคราะห์เช่นนี้ วิดีโอดังกล่าวแสดงให้เห็นขบวนยานเกราะรัสเซียกำลังถูกผลักดันให้ถอยออกไป หลังจากบุกฝ่ามาจนอยู่ภายในพื้นที่ 4 กิโลเมตรจากสะพานแห่งสำคัญที่สุดที่คูเปียนสก์ ซึ่งเป็นเส้นทางข้ามแม่น้ำใหญ่เส้นสุดท้ายในบริเวณนี้
ขณะที่รายงานเหล่านี้ไม่จำเป็นที่จะทำให้ต้องตีความว่าฝ่ายไหนคือผู้ควบคุมพื้นที่ แต่กระนั้นมันก็บ่งชี้ให้เห็นอยู่ดีว่าแนวป้องกันของฝ่ายยูเครนอยู่ในสภาพตึงมือขนาดไหนแล้ว
ในอีกด้านหนึ่ง ที่แนวรบด้านโดเนตสก์ ตั้งแต่ที่รัสเซียชิงเมืองวูห์เลดาร์ (Vuhledar) ไปได้ในเดือนตุลาคม –เมืองนี้เป็นพื้นที่สูง ซึ่งตั้งอยู่เหนือเส้นทางลำเลียงสำคัญๆ หลายสาย และมอสโกใช้เวลาสู้รบนานถึง 2 ปีทีเดียวกว่าจะยึดไปได้— รัสเซียก็ทุ่มเททรัพยากรมุ่งไปที่เมืองคูราคอฟ
กองกำลังฝ่ายยูเครนที่ป้องกันคูราคอฟอยู่ จวบจนถึงเวลานี้ยังสามารถขับไล่ฝ่ายรัสเซียที่เข้าโจมตีทางทิศใต้และทิศตะวันออก ทว่าเส้นแนวหน้าก็ขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ โดยที่รัสเซียยังคุกคามที่จะโอบล้อมกองกำลังฝ่ายป้องกันจากทางด้านทิศเหนือและทิศตะวันตกอีกด้วย
พันเอก เยฟเกนี ซาซีโค (Yevgeny Sasyko) อดีตผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารทางยุทธศาสตร์ของกองเสนาธิการใหญ่แห่งกองทัพยูเครน (Ukraine’s general staff) บอกว่า รัสเซียกำลังจัดวางพวกอาวุธทรงพลังเอาไว้รอบๆ พื้นที่ด้านปีกของเมืองนี้ เพื่อทำหน้าที่ “บดบี้” ฝ่ายป้องกันอย่างช้าๆ จนกระทั่งพังทลายลงมา
วิดีโอบันทึกสภาพของเมืองนี้ ซึ่งทางบีบีซีได้ตรวจสอบยืนยันว่าเป็นของจริงแล้ว แสดงให้เห็นสภาพการทำลายล้างอย่างยับเยินในขอบเขตกว้างขวางมาก โดยที่พวกอาคารพำนักอาศัยอยู่ในอาการเสียหายหนัก
ISW สรุปว่า เวลานี้มอสโกยึดครองพื้นที่ในยูเครนเอาไว้รวม 110,649 ตารางกิโลเมตร เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว กองกำลังฝ่ายยูเครนยึดพื้นที่ได้มากกว่า 1,171 ตารางกิโลเมตรเล็กน้อยในช่วงเดือนแรกๆ ของการรุกล้ำเข้าไปในแคว้นคูร์สก์ –ถึงแม้เวลานี้กองกำลังฝ่ายรัสเซียได้บุกแย่งยึดคืนไปได้เกือบๆ ครึ่งหนึ่งของดินแดนเหล่านี้แล้ว
แต่กว่าจะได้ดอกผลที่อยู่ในรูปของดินแดนเหล่านี้ การรุกของรัสเซียก็ต้องจ่ายผลตอบแทนอย่างมหาศาลทีเดียว
การวิเคราะห์ที่ดำเนินการโดย บีบีซี ภาคภาษารัสเซีย ยืนยันว่า มีทหารอย่างน้อยที่สุด 78,329 คนถูกเข่นฆ่านับตั้งแต่รัสเซียเปิดการรุกรานอย่างเต็มขนาดของตนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 โดยที่ความสูญเสียของมอสโกจากช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายนปีนี้ อยู่ระดับสูงกว่าระยะเดียวกันของปี 2023 ราวๆ กว่าหนึ่งเท่าครึ่ง
การสูญเสียหนักขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากวิธีการสู้รบแบบ “เครื่องบดเนื้อ” (meat grinder) ที่ว่ากันว่าพวกผู้บังคับบัญชาทหารรัสเซียนิยมกัน โดยหมายถึงการส่งกำลังทหารเกณฑ์บุกหน้าขึ้นไปเป็นระลอกๆ เข้าสู่ที่มั่นป้องกันของฝ่ายยูเครนครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อทำให้ทหารฝ่ายป้องกันเหนื่อยล้าอ่อนกำลัง
ถึงแม้ฝ่ายรัสเซียสามารถรุกคืบหน้าได้ แต่ผู้เชี่ยวชาญบางรายชี้ว่า อัตราความเร็วแท้จริงของการรุกยังคงเชื่องช้ามาก อย่างไรก็ตาม เดวิด แฮนเดลแมน (David Handelman) นักวิเคราะห์ทางทหารคนหนึ่งเสนอแนะว่า กองทหารยูเครนในภาคตะวันออกควรใช้วิธีถอนตัวออกไปอย่างช้าๆ เพื่อสงวรักษากำลังพลและทรัพยากรต่างๆ เอาไว้ แทนที่จะปล่อยให้ต้องเสียหายไปเมื่อเกิดภาวะพังทลายในวงกว้าง
เกมเสี่ยงบุกเข้าแคว้นคูร์สก์
ยูเครนเปิดการรุกล้ำแบบสุดช็อก เข้าสู่แคว้นคูร์สก์ของรัสเซียในเดือนสิงหาคม ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าทำไมรัสเซียจึงใช้เวลายาวนานถึงขนาดนี้ในการตอบโต้กับการปฏิบัติการนี้ ซึ่งกองทหารเคียฟบุกเข้าไปควบคุมชุมชนบริเวณชายแดนจำนวนหนึ่งเอาไว้ได้อย่างรวดเร็วมาก
ดร.มิรอน ให้ความเห็นว่าขณะที่ทำเนียบเครมลินต้องประสบความเสียหายในเรื่องต้นทุนทางการเมืองภายในประเทศไปเรื่อยๆ ตราบใดที่การรุกล้ำนี้ยังดำเนินอยู่ แต่ตอนนี้กองเสนาธิการใหญ่ของรัสเซียก็ยังคงสามารถตรึงกองกำลังยูเครนในคูร์สก์เอาไว้ได้ ในเวลาเดียวกับที่กำลังทหารแดนหมีขาวเก็บชัยชนะในที่อื่นๆ ของบริเวณเส้นแนวหน้า
อย่างไรก็ดี เมื่อมาถึงเวลานี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า มอสโกมีความตั้งใจที่จะช่วงชิงผืนแผ่นดินของตนเองในแคว้นคูร์สก์ที่สูญเสียไปกลับคืน โดยมีการระดมเคลื่อนย้ายกำลังทหารราว 50,000 คนเข้าไปในแคว้นแห่งนี้
วิดีโอหลายๆ คลิปจากแคว้นคูร์สก์ที่ผ่านจากตรวจสอบยืนยันว่าเป็นของจริงจากทางบีบีซีแล้ว แสดงให้เห็นว่าที่นี่กำลังเกิดการสู้รบครั้งดุเดือด และรัสเซียกำลังประสบความสูญเสียอย่างมากมายในด้านกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ ทว่าข้อมูลก็แสดงให้เห็นชัดเจนเช่นกันว่า อำนาจควบคุมเหนือแคว้นนี้ของยูเครนกำลังหดเล็กลงเรื่อยๆ
ตั้งแต่เริ่มต้นเดือนตุลาคม การโจมตีตอบโต้ของฝ่ายรัสเซียสามารถช่วงช่วงพื้นที่ในแคว้นชายแดนแห่งนี้กลับคืนไปได้ราว 593 ตารางกิโลเมตรแล้ว ตัวเลขข้อมูลของ ISW ระบุ
การบุกรุกบ้ำเข้าไปในคูร์สก์ ตอนแรกทีเดียวถูกมองว่าเป็นเรื่องที่ให้ประโยชน์อย่างสำคัญสำหรับยูเครน ในแง่ของการปลุกขวัญกำลังใจ ณ เวลานี้ที่เต็มไปด้วยความเพลี่ยงพล้ำอย่างร้ายแรง นอกจากนั้นความห้าวหาญดุดันของการปฏิบัติการคราวนี้ยังเป็นเครื่องเตือนใจให้ระลึกถึงความสามารถของฝ่ายยูเครนในการสร้างเซอร์ไพรซ์และในการทำอันตรายต่อศัตรูของพวกเขา
แต่ ดร.มิรอน บอกว่า ขณะที่การบุกรุกล้ำไปในคูร์สก์ ถือเป็นช่วงขณะแห่ง “ความฉลาดล้ำทางยุทธวิธี” มันก็กลายเป็น “ความหายนะทางยุทธศาสตร์” สำหรับยูเครนด้วยเช่นกัน
“ไอเดียโดยภาพรวมอาจจะเป็นว่า ต้องการที่จะสร้างข้อได้เปรียบทางการเมืองบางประการขึ้นมาสำหรับการเจรจาต่อรองที่อาจเกิดขึ้นมาได้ ทว่าความมุ่งหมายในทางการทหารแล้ว มันคือความพยายามที่มุ่งดึงเอากำลังทหารฝ่ายรัสเซียให้ออกมาจากดอนบาส ในขณะที่พวกเขา (รัสเซีย) ต้องปลดแอกคูร์สก์ (จากการยึดครองของยูเครน) แต่ตรงกันข้ามเลย สิ่งที่เรากำลังเห็นกันอยู่ก็คือว่าพวกหน่วยทหารต่างๆ ของยูเครนต่างหากที่ถูกตรึงเอาไว้ตรงนั้น (ในแคว้นคูร์สก์)”
เป็นที่ทราบกันว่า เคียฟได้จัดส่งหน่วยทหารซึ่งมีประสบการณ์สูงที่สุดและทรงประสิทธิภาพที่สุดบางหน่วยเข้าไปสู้รบในแคว้นคูร์สก์ ทั้งนี้ พวกหน่วยทหารยานยนต์ (Mechanised unit) ซึ่งอาวุธประจำหน่วยคือบรรดายานเกราะเทคโนโลยีล้ำๆ ของฝ่ายตะวันตก ก็มีส่วนอยู่ในการบุกคราวนี้ด้วย
พวกผู้นำยูเครนส่อแสดงเป็นนัยๆ ว่า พวกเขาวาดหวังเอาไว้ว่าการบุกรุกล้ำคราวนี้จะบีบบังคับมอสโกให้ต้องหันเหนำเอากองทหารบางส่วนของพวกเขาออกมาจากภาคตะวันออกยูเครน ซึ่งจะเป็นการชะลอการรุกคืบของรัสเซียที่นั่นให้เชื่องช้าลง ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่ใช่เช่นนั้นเลย พวกผู้เชี่ยวชาญบอกว่ากองทหารที่รัสเซียส่งเข้ามาเสริมในคูร์สก์นั้น ส่วนใหญ่ที่สุดดึงเอามาจากส่วนอื่นๆ ในยูเครนซึ่งการสู้รบไม่ดุเดือดเข้มข้น
“ตามปากคำของพวกทหารยูเครนจากส่วนต่างๆ ของแนวหน้า กองทหารรัสเซียที่กำลังเข้าไปเสริมทัพในคูร์สก์ หลักๆ แล้วดึงเอามาจากแคว้นเคอร์ซอน (Kherson) และแคว้น ซาโปริซเซีย (Zaporizhzhia) (ที่อยู่ทางตอนใต้ของยูเครน)” เยอร์ริ คลาวิลิเยร์ (Yurri Clavilier) นักวิเคราะห์เรื่องพื้นที่ดิน ที่สังกัดอยู่กับสถาบันระหว่างประเทศเพื่อยุทธศาสตร์ศึกษา (International Institute for Strategic Studies หรือ IISS) หน่วยงานคลังสมองที่ตั้งฐานอยู่ในกรุงลอนดอน บอกกับบีบีซี
“การสู้รบที่ตรงนั้นไม่ได้รุนแรงเหมือนกับทางด้านตะวันออก นอกจากนั้นแล้ว หน่วยทหารรัสเซียบางหน่วยที่กำลังเข้าโจมตีแคว้นคาร์คิฟ (ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน) ก็กำลังหันเหทิศทางมุ่งไปสู่คูร์สก์เช่นเดียวกัน ขณะที่ยูเครนพยายามอย่างหนักที่จะชะงักการโจมตีของฝ่ายรัสเซียที่นั่น (ที่คูร์สก์)” เขากล่าวต่อ
การที่ทั้งสองฝ่ายต่างให้ความสำคัญกับเรื่องการครอบครองพื้นที่อาณาเขต เป็นเพราะมันคือพลังความเข้มแข็งซึ่งจะนำไปสู่ฐานะความได้เปรียบของพวกเขาในการเจรจาต่อรองใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นมา ถึงแม้เวลานี้ยังไม่ได้มีการหารืออะไรกันเกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพใดๆ ทั้งนั้น แต่ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯก็กล่าวอ้างว่าเขาสามารถยุติสงครามคราวนี้ได้ภายในเวลา 24 ชั่วโมง โดยที่ไม่ได้ลงรายละเอียดเจาะจงว่าจะทำได้ด้วยวิธีใด
มีความหวาดกลัวกันอยู่ในยูเครนว่า ทรัมป์อาจใช้วิธีการตัดความช่วยเหลือทางทหาร เพื่อบีบบังคับให้เคียฟต้องยอมเข้าสู่โต๊ะเจรจา ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน บอกกับทีวีฟ็อกซ์นิวส์ในสหรัฐฯเมื่อวันอังคาร (19 พ.ย.) ว่า “ผมคิดว่าเราจะแพ้ (สงคราม)” หากถูกสหรัฐฯหั่นความช่วยเหลือ
“เรามีการผลิต (อาวุธยุทโธปกรณ์) ของเรา แต่มันยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ได้ชัยชนะ และผมคิดว่ามันยังไม่เพียงพอที่จะทำให้อยู่รอดได้” ด้วยซ้ำ เขากล่าว
ในวันอังคาร (19 พ.ย.) ยูเครนยิงขีปนาวุธทางยุทธวิธีพิสัยไกลที่ได้รับจากสหรัฐฯเข้าไปในดินแดนรัสเซียเป็นครั้งแรก –หนึ่งวันหลังจากวอชิงตันไฟเขียวให้ทำเช่นนี้ได้ คิดกันว่าการที่สหรัฐฯทำเช่นนี้ก็เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือยูเครนให้สามารถครอบครองพื้นที่บางส่วนของแคว้นคูร์สก์เอาไว้ต่อไป เพื่อช่วยให้สามารถใช้เป็นหมากต่อรองอย่างหนึ่งในการเจรจาในอนาคต
ดร.มิรอน บอกกับบีบีซีว่า การที่รัสเซียเวลานี้สามารถรุกคืบหน้าได้ ทำให้พวกเขามีฐานะการเจรจาต่อรองที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ขณะที่ทีมนโยบายการต่างประเทศทีมใหม่ของทรัมป์เตรียมตัวเข้าปฏิบัติหน้าที่
“สิ่งที่พวกเขากำลังควบคุมเอาไว้ได้ในขณะนี้ มันทำให้พวกเขามีฐานะที่ได้เปรียบบางอย่างบางประการขึ้นมา” เธอกล่าว “ถ้าหากมันมีการเจรจากันเกิดขึ้นมา ดิฉันแน่ใจเลยว่ามันจะเป็นอย่างที่ฝ่ายรัสเซียกำลังเน้นย้ำอยู่ อย่างที่พวกเขาบอกว่า “เราจะทำการเจรจากันโดยอิงอยู่กับกรอบโครงที่เป็นอยู่ในสนามรบ”
“จากทัศนะมุมมองของฝ่ายรัสเซียแล้ว พวกเขากำลังถือไพ่เหนือกว่าฝ่ายยูเครนมากมายนัก”
(เก็บความจากเรื่อง Ukraine front could 'collapse' as Russia gains accelerate, experts warn โดย แมตต์ มอร์ฟีย์ (Matt Murphy), พอล บราวน์ (Paul Brown), ออลกา โรบินสัน (Olga Robinson), โธมัส สเปนเซอร์ (Thomas Spencer), และ อเล็กซ์ เมอร์เรย์ (Alex Murray ), ทีมงานพิสูจน์ตรวจสอบของบีบีซี (BBC Verify) ดูต้นฉบับภาษาอังกฤษได้ที่ https://www.bbc.com/news/articles/cn0dpdx420lo)