“Finding Freedom – ใฝ่หาอิสรภาพ” หนังสืออธิบายนานาเรื่องไม่แฮปปีที่เจ้าชายแฮร์รีและพระชายาเมแกน มาร์เคิล ทรงขัดเคืองคับข้องพระทัยในพระราชตระกูลวินด์เซอร์ ก่อนจะทรงวอล์กเอาท์ตีจากเพื่อไปสร้างครอบครัวในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2020 นั้น อาจจะมี Finding Freedom ภาค 2 ตามมาในเร็วๆ นี้ แต่เปลี่ยนเป็นการตีจากพระชายาเมแกน
ที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่องมากกว่าหนึ่งไตรมาส เจ้าชายแฮร์รี (40 กะรัต) และดัชเชส (43 กะรัต) ถูกสื่อมวลชนและท่านผู้ชมทั่วโลกจับจ้องว่าจวนเจียนเตียงจะหัก แน่หรือไม่ ปมเมาท์มอยขอดค่อนนี้สะสมกระแสเข้มข้นยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยเดอะซัน สื่อหัวสีค่ายยักษ์ใหญ่ของอังกฤษตั้งประเด็นเปรี้ยงปร้างว่า เจ้าชายทรงฉายเดี่ยวทุกงานรวมได้ 3 สัปดาห์แล้ว (นับถึงกลางเดือนพฤศจิกายน)
พร้อมนี้ เดอะซันยืนยันถึงเครื่องชี้บ่งตัวใหม่ชัดใสกว่าเดิม คือ การที่เจ้าชายแฮร์รีทรงตัดสินพระทัยเดินทางตามลำพังอย่างปุบปับ ไปโปรโมทมหกรรมกีฬาทหารระหว่างประเทศ อินวิคตัสเกมส์ 2025 ที่นครแวนคูเวอร์ รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2024
ทั้งๆ ที่ ชาวโลกต่างรับทราบมาตลอดว่า กิจกรรมทั้งปวงเกี่ยวกับ อินวิคตัสเกมส์ จะต้องมีพระชายาเมแกน เข้าไปเป็นดาวเด่นโดยตลอดนับแต่อินวิคตัสเกมส์ 2018 ที่ออสเตรเลีย หลังจากที่ใช้อินวิคตัสเกมส์ 2017 ในนครโทรอนโต รัฐออนแทรีโอ แคนาดา เป็นโอกาสแห่งการเปิดตัวเมแกน มาร์เคิล ในฐานะพระคู่รัก
ที่สำคัญคือ เจ้าชายแฮร์รีทรงพระเกษมสำราญอย่างยิ่งกับบรรยากาศออกงานเดี่ยว คนเดียวโดดเด่น ในทุกกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น ในค่ำวันอาทิตย์ (17) และเช้าวันจันทร์ (18) เดอะซันรายงาน
“เห็นได้ชัดว่าเจ้าชายแฮร์รีทรงเปี่ยมสุขมากขึ้นกว่าปกติในพระทริป โซโล แฮร์รี แบบที่ห่างไกลจากดัชเชสเมแกน” เดอะซันระบุอย่างนั้นโดยอ้างอิงการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญการพระราชวงศ์อังกฤษอย่าง ฮิวโก วิกเคอร์ส เจ้าของผลงานชีวประวัติสมาชิกพระราชตระกูลวินด์เซอร์หลายเล่ม
โดยในพระกรณียกิจแรกที่ทรงไปปรากฏพระองค์เป็นแขกเซอร์ไพรส์ เพื่อโปรโมทมหกรรม “อินวิคตัสเกมส์ นครแวนคูเวอร์ เมืองวิสต์เลอร์ 2025” คือ ไปนั่งให้เจมส์ ดูธี แห่งสถานีข่าวกีฬา TSN แคนานา สัมภาษณ์ที่ข้างสนามบีซี ไลออนส์ อันเป็นสนามเพื่อการชิงแชมป์ Grey Cup ครั้งที่ 111 ของลีก CFL Football Game ช่วงสิบนาทีก่อนเริ่มครึ่งแรก ในค่ำคืนอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2024
เจ้าชายแฮร์รีผู้ทรงฟิตแอนด์เฟิร์มแบบนักกีฬา อยู่ในพระภูษาเชิร์ตสีดำ พร้อมเสื้อตัวนอกสีดำเฉดเดียวกัน ทรงแจ่มใส ดูดี มีความสุขในทุกอิริยาบถ ทั้งตอนให้สัมภาษณ์แก่ TSN และตอนมอบเสื้อกีฬาอินวิคตัสเกมส์ 2025 ให้แก่ อามาร์ โดแมน เจ้าของสนามบีซี ไลออนส์ ในห้วงพักเกม โดยสนามกีฬาบีซี ไลออนส์ จะเป็นหนึ่งในสนามจัดการแข่งขันกีฬาอินวิคตัสเกมส์ ครั้งที่ 7 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025
พร้อมนี้ เจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซกซ์ ทรงทักทายแฟนกีฬาในพระมู้ดชื่นมื่น โดยชูนิ้วโป้งให้กล้องสนามจับภาพขึ้นไปปรากฏบนจอใหญ่ เพื่อเชียร์ทุกคน
ในวันถัดมา เจ้าชายแฮร์รีเสด็จไปเซอร์ไพรส์บรรดาเยาวชนแคนาเดียน โดยทรงเข้าร่วมโปรแกรมแนะนำ “อินวิคตัส เกมส์ นครแวนคูเวอร์ เมืองวิสต์เลอร์ 2025” ให้เป็นที่ชื่นชมของเด็กๆ นักเรียน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เห็นคุณค่าความสำคัญของทหาร ณ คลังสรรพาวุธซีฟอร์ธ อาร์เมอรี อันเป็นพิพิธภัณฑ์และโบราณสถานสำคัญของแคนาดา โดยโปรแกรมแนะนำอินวิคตัสเกมส์จะเข้าสู่โรงเรียนต่างๆ ทั่วแคนาดาผ่านช่องทางออนไลน์ตลอดห้วงสองเดือนข้างหน้า
เจ้าชายแฮร์รีทรงเปี่ยมสุขเสมอเมื่อได้ใกล้ชิดกับเด็กๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทรงพระครึกครื้นมากมายขณะร่วมสาธิตกีฬาวอลเลย์บอลในท่านั่ง อันเป็นการแข่งขันแสนสนุกรายการหนึ่งของอินวิคตัสเกมส์
ผู้เชี่ยวชาญฮิวโก วิกเคอร์ส ชี้ว่าปรินซ์แฮร์รีทรงบินเดี่ยวเปี่ยมสุข ทรงออกงานสารพัดอย่าง ทั้งปราศรัยในบรรดาพิธีมอบรางวัลต่างๆ ทั้งขึ้นเวทีเสวนาการกุศลนี่นั่น และทั้งเข้าประชุมสุดยอดนี้นู้น ซึ่งล้วนแต่จะเป็นแบบ “โซโลแฮร์รี” ในสไตล์ส่วนพระองค์ล้วน
แบบว่าไร้เงาพระพี่เลี้ยงหรือเบบี๋ซิตเตอร์ นามว่า เมแกน ผู้ที่คอยตามไปจูงพระหัตถ์โชว์ให้สาธารณชนเห็นว่ารักหวานยังแหววเกินร้อย หรือก็คือ PDA – Public Display Affection นั่นเอง
ฮิวโก วิกเคอร์ส บอกเดอะซันด้วยว่าบรรยากาศมันชัดเจนสุดๆ ปรินซ์แฮร์รีทรงพระเกษมสำราญ สดชื่นอารมณ์ดีกว่าการออกงานแบบแพ็กคู่มากมายมหาศาล
“ระยะนี้ เราได้เห็นปรินซ์แฮร์รีปรากฏพระองค์ในพระกรณียกิจทั้งปวงโดยไม่มีดัชเชสเมแกน
“และชัดเจนว่าพระองค์ทรงงานได้ดีเหลือเกินเมื่อทรงขับเคลื่อนเรื่องที่ทรงโปรดปราน ทั้งเรื่องฟุตบอล เรื่องอินวิคตัสเกมส์ แล้วก็การกีฬาอื่นๆ”
จอมกูรูพระราชวงศ์อังกฤษผู้ยืนระยะมายาวนานจนถึงวัย 72 ปี ย้ำให้สังเกตว่าเวลาที่ปรินซ์ออกงานลำพัง พระองค์แสดงออกได้ดีกว่าเมื่อมีดัชเชสเมแกน ผู้ซึ่งทำให้ปรินซ์ต้องตรัสในถ้อยคำหรูหราเวอร์วังแบบพวกแคลิฟอร์เนีย แบบว่ามองออกเลย มันเป็นไปตามที่ปรินซ์ถูกดัชเชสเมแกน “สั่งการ” มา
“ผมชื่นชมปรินซ์แฮร์รีที่เป็นตัวของตัวเอง ผมบอกได้เลยว่าพระองค์เรียกคืนความป๊อปปูลาร์แบบปรินซ์แฮร์รีคนเดิมได้แน่”
ยิ่งกว่านั้น ฮิวโก วิกเคอร์ เหน็บไปถึงดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ด้วยว่า เจ้าชายแฮร์รีคอยแต่จะอ่อนข้อให้พระชายา
“ผมเห็นจริงๆ นะว่าเวลาที่ออกงานด้วยกัน ดัชเชสมักจะเป็นตัวหลักที่คุมการสนทนา เธอมักจะเป็นคนที่แสดงออกมากกว่า ส่วนปรินซ์ก็มักจะยอมตามเธอ
“คุณรู้มั้ย ผมเกรงว่าปรินซ์น่าจะไม่ชอบแบบนั้นนักหรอก” เดอะซันนำเสนอมุมมองเชิงลึกของผู้เชี่ยวชาญไว้อย่างนั้น
เมแกน มาร์เคิล กับ เจ้าชายแฮร์รี “นับวันแต่จะต่างคนต่างไป” โดยจะดำเนินชีวิต “แยกไปตามทางของตนเอง” บรรดาผู้เชี่ยวชาญการพระราชวงศ์วิเคราะห์ไว้กับเดอะซัน
ในรายการคุยข่าว รอยัล เอ็กซ์คลูซีฟ ไลฟ์โชว์ ของช่องเดอะซัน อาร์เธอร์ เอ็ดเวิดส์ กับเจนนี บอนด์ สองกูรูการพระราชวงศ์อังกฤษ ฟันธงไว้เลยว่า ดัชเชสเมแกน กับเจ้าชายแฮร์รี “ต่างก็แยกไปทำภารกิจของตนเอง” โดยที่สาธารณชนก็ได้เห็นแล้วว่าทั้งสองไม่ออกงานด้วยกันแม้สักครั้งตลอด 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา คือ ตั้งแต่สัปดาห์ปลายเดือนตุลาคม จดจนกลางเดือนพฤศจิกายน
“ดัชเชสเมแกนไม่เป็นที่ชื่นชมของคนอังกฤษ เธอไม่อยากกลับมาอังกฤษหรอกค่ะ เธอเป็นตัวของตัวเองสูงมาก ทั้งในแง่ของสไตล์และวิถีชีวิต ซึ่งไม่สามารถสอดประสานกับผู้คนในอังกฤษ ดังนั้น ทั้งสองจึงถึงคราวที่ต่างคนต่างไป” เจนนี บอนด์ นักวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของสมาชิกพระราชวงศ์อังกฤษมากว่า 35 ปี ทำนายไว้อย่างนั้น
“ทั้งหลายทั้งปวงนี้ ดิฉันเชื่อว่าปรินซ์แฮร์รีทรงพระสำราญอย่างยิ่งกับชีวิตปัจจุบันนี้ของพระองค์ค่ะ”
ด้าน อาร์เธอร์ เอ็ดเวิดส์ นักเจาะลึกข่าวพระราชวงศ์ระดับตำนานของเดอะซัน ช่วยย้ำว่า
“ดัชเชสไม่น่าจะสนใจมาอังกฤษอะไรนัก และผมไม่คิดว่าผู้คนจะสนใจอะไรกับเธอ ผมว่าเธอลำบากหนักแน่ถ้าจะกอบกู้คะแนนนิยมกลับขึ้นได้
“ตอนนี้ ทั้งเธอ ทั้งปรินซ์แฮร์รี ต่างแยกทางกันทำเรื่องของตนเองชัดเจนแล้วครับ
“ดัชเชสมีโปรแกรมงานของตัวเอง ส่วนปรินซ์แฮร์รีก็มีของพระองค์” กูรูเอ็ดเวิดส์กล่าว และคอมเมนต์ด้วยว่าเป็นเรื่องดีที่เจ้าชายแฮร์รีทรงฉายเดี่ยวที่อังกฤษ
“เดี๋ยวนี้ พระองค์เสด็จมาแต่ละหน ล้วนแต่ราบรื่นดี ไม่กระทบกระแทกกับใคร ตอนที่ทรงมาในพระกรณียกิจอินวิคตัสเกมส์ ทรงมาแล้วก็กลับโดยไม่มีกระทบกระแทกกับใคร ทรงมาในพิธีพระศพของเสด็จลุง ก็ราบรื่นดีครับ”
สำหรับการเสด็จไปโปรโมทอินวิคตัสเกมส์ในนครแวนคูเวอร์ตามลำพังอย่างปุบปับเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2024 เดอะซันย้ำว่าปรินซ์แฮร์รีทรงตัดสินพระทัยเอง
โดยทั่วไปมาตรฐานการเดินทางของปรินซ์แฮร์รีจะมี 2 รูปแบบ ในยามที่เสด็จด้วยกันกับดัชเชสเมแกน จะเป็นมาตรฐานหรูหราไม่หารือใคร คือ ใช้เครื่องบินเจ็ตเช่าเหมาลำเท่านั้น แต่หากเป็นทริปโซโล แฮร์รี ไม่มีพระชายาเมแกนไปด้วย พระองค์จะเดินทางไปกับสายการบิน ทั้งนี้จะประทับนั่งเก้าอี้แถวหน้าสุดของที่นั่งชั้นเฟิร์สต์คลาส คู่กับองครักษ์ส่วนพระองค์
การไม่ใช้เครื่องบินเจ็ตเช่าเหมาลำ-ตัวร้ายสร้างปัญหาโลกร้อน ในการเดินทางไปนครแวนคูเวอร์เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีนัยสำคัญอย่างยิ่ง เพราะปรินซ์แฮร์รีเพิ่งจะได้รับการสดุดีจากไทม์แมกกาซีนในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2024 ว่าทรงเป็น 1 ใน 20 สุดยอดนักสิ่งแวดล้อมผู้ทรงอิทธิพลของโลก
ในเมื่อเพิ่งได้ตราเกียรติยศแห่งการช่วยลดปัญหาวิกฤติ Climate Change มาแหม่บๆ ปรินซ์จะโดดขึ้นเจ็ตเช่าเหมาลำ-จอมพ่นคาร์บอนไดออกไซด์ ก็จะเสียหายต่อพระอิมเมจอย่างร้ายแรง
ตัวร้ายโลกร้อน ขาประจำเจ็ตเหมาลำอย่างปรินซ์แฮร์รี ได้ตราสุดยอดนักสิ่งแวดล้อมจาก ‘ไทม์’ โดยได้ติดกลุ่ม Time100 Climate 2024
ทั้งๆ ที่เจ้าชายแฮร์รี พระราชโอรสองค์เล็กของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร จะใช้เครื่องบินเจ็ตแบบเช่าเหมาลำแทบจะทุกครั้งที่เดินทางทั้งในประเทศและต่างประเทศกับพระชายาเมแกน มาร์เคิล อันเป็นไลฟ์สไตล์หรูๆ ของมนุษย์ซูเปอร์ริช ซึ่งทำให้นักต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อมร้องยี้สนั่นโลกเลยว่า เป็นที่สุดของพฤติกรรมทำร้ายโลกผ่านการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยไม่จำเป็น และสื่อมวลชนก็ถล่มกันเข้าไปติเตียนครั้งแล้วครั้งเล่าว่า เจ้าชายแฮร์รีทรงสุดๆ จะฮิปโปคริท เทศน์สอนผู้คนไปทั่ว ให้ระมัดระวังผลกระทบที่จะส่งไปซ้ำเติมปัญหาโลกร้อน แต่ตัวพระองค์กลับละเลงซะเอง
กระนั้นก็ตาม นิตยสารอภิยักษ์ใหญ่ค่ายไทม์ แมกกาซีน ได้สดุดียกย่องให้เจ้าชายแฮร์รีเป็น 1 ใน 20 ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในขบวนความเคลื่อนไหวเพื่อต่อสู้กับวิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Climate Change ผ่านบทบาทการก่อตั้งโปรเจ็กต์ Travalyst อันเป็นองค์การไม่แสวงกำไรซึ่งโปรโมทให้ชาวโลกเดินทางในแบบที่ส่งเสริมความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
ส่วนสำหรับพระเชษฐาของปรินซ์แฮร์รี คือ ปรินซ์วิลเลียม ซึ่งทรงขับเคลื่อนภารกิจการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง มิได้รับการสดุดีแบบเดียวกันนี้จากไทม์ แมกกาซีนแต่อย่างใด ดิเอ็กซ์เพรสนำเสนอไว้อย่างนั้น โดยยกตัวอย่างพระโปรเจ็กต์ Earthshot Prize Awards (ทรงก่อตั้งในปี 2021) ซึ่งได้ส่งเสริมบุคคลและองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมในทวีปแอฟริกาด้วยทุนสนับสนุนองค์กรละ 1 ล้านปอนด์ รวมปีละ 5 องค์กร เพื่อให้เดินหน้ากับนวัตกรรมสิ่งแวดล้อมยั่งยืน
ปรินซ์แฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซกซ์ ทรงปรากฏอยู่ใน “รายชื่อ Time100 Climate 2024” (100 รายชื่อ-รายพระนาม ซึ่งแบ่งเป็น 5 กลุ่ม กลุ่มละ 20) และอยู่ใน “กลุ่ม 2024 Titans” ซึ่งมีจำนวนเพียง 20 ราย โดยมีคนดังคับโลกอย่าง บิล เกตส์ อยู่ในลิสต์ 2024 Titans ด้วย ดิเอ็กซ์เพรสรายงาน
“ดยุกแห่งซัสเซกซ์ทรงสนับสนุนกลุ่มต่างๆ ที่ขับเคลื่อนงานด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในทวีปแอฟริกา” ไทม์ให้เหตุผลที่คัดเลือกปรินซ์แฮร์รีไว้ในรายชื่อ Time100 Climate 2024 และบอกด้วยว่าปรินซ์ทรงเป็นนักสิ่งแวดล้อมมาตั้งแต่เมื่อปี 2012 ที่ทรงเสด็จเยือนอนุภูมิภาคแคริบเบียนแห่งทวีปอเมริกา แล้วมีเด็กชายวัย 7 ขวบ กล่าวกับพระองค์ว่าผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากอังกฤษทำลายแนวปะการังในแคริบเบียน
หลังจากที่นิตยสารไทม์ประกาศบัญชีชื่อเกียรติยศนี้เมื่อ 12 พฤศจิกายน 2024 ปฏิกิริยาของสื่อออนไลน์เป็นไปด้วยความดุเดือด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตั้งคำถามว่าปรินซ์แฮร์รีสมควรจะได้รับเกียรติยศนี้ล่ะหรือ ในเมื่อทรงฮิปโปคริทมาโดยตลอด แบบโนสน โนแคร์ กับเสียงวิจารณ์ต่อการเช่าเหมาลำเครื่องบินเจ็ตแทบจะทุกครั้งที่เดินทางกับดัชเชสเมแกน ไม่ว่าจะเป็นทริปลอสแอนเจลิส - ไนจีเรีย หรือทริปลอสแอนเจลิส - โคลัมเบีย หรือกระทั่งการเดินทางภายในสหรัฐฯ ก็ตาม
อาทิ ช่องทอล์กทีวีที่ย้ำมากในประเด็นว่าทรงซ้ำเติมปัญหา Climate Change เวอร์วังเสมอในทุกการเดินทางของพระองค์กับพระชายาเมแกน แม้แค่การเดินทางภายในสหรัฐฯ เพื่อไปเล่นโปโล ก็ยังต้องเช่าเหมาลำเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว แทนที่จะเดินทางด้วยเครื่องเจ็ตของสายการบินพาณิชย์ ซึ่งมีอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ต่อคน น้อยกว่าเครื่องบินเจ็ตเช่าเหมาลำได้ถึง 14 เท่า
ที่ผ่านมา กลุ่มรณรงค์รักษาสิ่งแวดล้อมประณามคนที่ใช้เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวว่า เอาเปรียบมนุษยชาติและไร้ความรับผิดชอบต่อโลกอย่างร้ายแรง เพราะอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อคนนั้น สูงเหลือเกินเมื่อเทียบกับการใช้ไฟลท์ร่วมกันนับสิบนับร้อยรายในบริการของสายการบินทั่วไป
ซีเอ็นเอ็นรายงานผลวิจัยโดยกลุ่มกรีนพีซว่า เฉพาะในทวีปยุโรปแห่งเดียว เครื่องบิน Private Jet ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มหาศาลกว่า 3.39 ล้านเมตริกตันในปี 2022 ซึ่งเท่ากับที่รถยนต์พลังงานน้ำมันจำนวน 753,000 คัน ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาตามท้องถนนในห้วงหนึ่งปีกันเลยทีเดียว
ค่าย Talk TV สื่อออนไลน์จอมขุดคุ้ย วิพากษ์วิจารณ์ข่าวปรินซ์แฮร์รีได้รับการอวยจากไทมแมกกาซีนว่า ทรงโดดเด่นในการต่อสู้เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ค่าย Sky News Australia เน้นประณามปรินซ์แฮร์รีว่าเป็นพวกฮิปโปคริท ปากว่า ตาขยิบ
พร้อมนี้ ดิเอ็กซ์เพรสนำเสนอความเห็นของผู้อ่านไว้ในข่าวด้วย ว่าปรินซ์แฮร์รีทรงใช้เงินซื้อรางวัลเกียรติยศ ดังนี้
“ความแตกต่างมีอยู่ว่า ปรินซ์แฮร์รีทรงชอบใช้เงินซื้อรางวัลเกียรติยศต่างๆ แต่ปรินซ์วิลเลียมทรงไม่ทำอย่างนั้น”
ประเด็นเงินๆ ทองๆ ปรากฏอยู่ในความเห็นของผู้อ่านหลายสิบราย เช่น “นั่นเป็นเพราะปรินซ์แฮร์รีกับพระชายามักจะซื้อรางวัลเกียรติยศให้แก่ตนเอง ส่วนปรินซ์วิลเลียมทรงไม่แคร์กับเรื่องรางวัล พระองค์ทรงง่วนอยู่กับการขับเคลื่อนงานเพื่อผลักดันให้อุดมการของพระองค์บรรลุความสำเร็จ”
ทั้งปรินซ์วิลเลียมและทั้งปรินซ์แฮร์รีทรงมีความตื่นตัวที่จะลงมือต่อสู้กับวิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มาเนิ่นนานหลายสิบปีแล้ว แต่ปรากฏว่ามีเพียงปรินซ์แฮร์รีพระองค์เดียว ที่ได้รับการเชิดชูอยู่ในรายชื่อผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในขบวนความเคลื่อนไหวของนักต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อมของไทม์ แมกกาซีน ดิเอ็กซ์เพรสระบุไว้อย่างนั้น
เกียรติยศแห่งการเชิดชูให้เป็น 1 ใน 100 สุดยอดบุคคลผู้ต่อสู้เพื่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม มาเยียวยาพระหทัยของปรินซ์แฮร์รีในห้วงเวลาที่เหมาะเจาะอย่างยิ่ง เพราะเมื่อ 1-2 วันก่อนหน้า อันเป็นวันระลึกและสดุดีทหารผ่านศึก 11 พฤศจิกายน ปรินซ์เพิ่งตรมพระทัยหนักหนากับความเป็นจริงอันกัดกร่อนของชีวิตว่า เมื่อทรงตัดสินพระทัยเลิกปฏิบัติหน้าที่พระราชวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ สิทธิและพระเกียรติยศต่างๆ ที่เคยได้รับ ก็ย่อมต้องสูญเสียไป
ดังนั้น ปรินซ์แฮร์รีทรงหมดโอกาสที่จะสวมเครื่องแบบทหารและเข้าร่วมพระราชพิธีวางพวงมาลาอันเคร่งขรึมสง่างาม นับตั้งแต่พฤศจิกายน 2020 และตลอดทุกปีเรื่อยมา อันเป็นความตรมพระทัยประจำปีก็ว่าได้
โดยเดอะซันอธิบายว่า ปรินซ์พระราชโอรสของกษัตริย์ชาร์ลส์ ทรงมีความผูกพันกับพระราชพิธีต่างๆ ที่เกี่ยวกับทหาร การไม่ได้สวมเครื่องแบบเข้าร่วมพระราชพิธีรำลึกทหารผ่านศึก Remembrance Sunday ทำให้พระองค์ตระหนักอย่างยิ่งในพิษสงแห่งการสูญเสียสิทธิที่เคยได้รับมาง่ายๆ ด้วยชาติกำเนิด และการมีส่วนรวมในบทบาทแห่งพระราชสำนัก
ทั้งนี้ ในเดือนพฤศจิกายน 2020 อันเป็นปีแรกที่ปรินซ์แฮร์รีทรงลาออกจากการปฏิบัติพระราชกรณียกิจแห่งสำนักพระราชวัง สื่อมวลชนพากันรายงานข่าวว่าปรินซ์แฮร์รี (ผู้ซึ่งทรงก่อเรื่องเสื่อมเสียพระเกียรติยศแห่งพระราชตระกูลหลายครั้ง แต่ก็จะได้รับความช่วยเหลือจากเสด็จพระบิดาให้ลอยนวลได้ทุกคราว ท่านผู้ชมมักมองว่าเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงปกป้องและให้สิทธิพิเศษแก่พระโอรสองค์เล็ก มหาศาลเกินไป) ทรงกราบทูลขอพระบรมราชานุญาตเข้าร่วมพระราชพิธีวางพวงมาลาเป็นกรณีพิเศษ แต่ทรงถูกปฏิเสธ
และในท้ายที่สุด ณ วันทหารผ่านศึกซันเดย์ 8 พฤศจิกายน 2020 ปรินซ์แฮร์รีในชุดสูทสีกรมท่าพร้อมเหรียญตราติดหน้าอก เสด็จไปวางดอกไม้สดุดีทหารผ่านศึกในสหรัฐอเมริกา ณ สุสานแห่งชาติลอสแอนเจลิส โดยวางช่อดอกไม้สองจุด คือ หลุมศพของทหารอากาศออสเตรเลียแห่งสงครามโลกครั้งที่ 2 กับหลุมศพของทหารบกแคนาดาแห่งสงครามโลกครั้งที่ 1
ปรินซ์แฮร์รีเสียพระทัย ที่ทรงละทิ้งพระราชกรณียกิจวังหลวง เดอะซันรายงาน ซึ่งน่าจะเป็นความร้าวใจปีละครั้งในวันทหารผ่านศึก เพราะทรงหมดสิทธิเข้าร่วมพระราชพิธีวางพวงมาลาอันเปี่ยมคุณค่าทางจิตใจ
เจ้าชายแฮร์รีทรงเสียพระทัยที่ละทิ้งชีวิตพระราชวงศ์ ซึ่งเปี่ยมด้วยเสถียรภาพและความสง่างาม ความรู้สึกโหยหาอดีตเยี่ยงนี้ผุดขึ้นให้ยอกแสยงใจ เมื่อทรงต้องเห็นแทงพระเนตรว่าสมาชิกชั้นผู้ใหญ่ทั้งปวงของพระราชวงศ์วินด์เซอร์ พากันปรากฏพระองค์ในพระราชพิธีรำลึกถึงทหารผ่านศึก Remembrance Sunday ในวันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน 2024 โดยภาพอันอลังการของพระราชพิธีสุดยิ่งใหญ่ ย่อมจะทำให้ดยุกแห่งซัสเซกซ์ทรงคลางแคลงในองค์เอง ที่ตัดสินพระทัยลาออกจากการปฏิบัติพระราชกรณียกิจแห่งสำนักพระราชวังบัคกิงแฮม เดอะซันวิเคราะห์อย่างนั้นโดยอิงตามผู้เชี่ยวชาญการพระราชวงศ์อังกฤษ
ในวันอาทิตย์ที่ 10 เดือนพฤศจิกายน อันเป็นวันทหารผ่านศึกซันเดย์ ของอังกฤษและหลายๆ ประเทศ สมาชิกพระราชวงศ์ผู้ที่ทรงงานพระราชกรณียกิจของสำนักพระราชวัง ร่วมพระทัยกันเสด็จออกอย่างพรักพร้อมเป็นปึกแผ่น ในพระราชพิธีเชิดชูเกียรติผู้พลีชีพเพื่อประเทศชาติและพระราชบัลลังก์ ซึ่งพรึบพรับด้วยกองทหารและข้าราชการการเมืองระดับสูงทั้งปวง
บรรยากาศอันเคร่งขรึม ทรงพลัง และมากมายด้วยความงดงาม ย่อมจะเตือนพระทัยของปรินซ์แฮร์รีให้ตระหนักขึ้นได้ว่า ความเป็นปึกแผ่น เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันนั้น มีโฉมหน้างดงามเพียงใด และพระองค์เองก็เคยเป็นดาวเด่นของสื่อมวลชน และเป็นที่รักของปวงพสกนิกรในวันสำคัญของชาติเสมอมา
ผู้เชี่ยวชาญการพระราชวงศ์ ฮิวโก วิกเคอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสุดยอดนักเขียนชีวประวัติของสมาชิกพระราชวงศ์ ชี้ไปถึงบรรยากาศซึ่งพระราชตระกูลแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างใหญ่หลวง และบอกด้วยว่า ประชาชนทั้งประเทศได้ประทับใจในพระอากัปกิริยาการสัมผัสในระหว่างสมาชิกพระราชวงศ์ชั้นผู้ใหญ่อย่างน้อยหนึ่งหรือสองครั้ง
ซึ่งก็คือ เมื่อดัชเชสโซฟี พระชายาแห่งปรินซ์เอ็ดเวิร์ด ทรงแตะพระขนองของปรินเซสเคทแห่งเวลส์อย่างนุ่มนวลอ่อนโยน ดั่งจะส่งกำลังพระทัยให้แก่ปรินเซสผู้ทรงเป็นหลานสะใภ้ ขณะดำเนินตามกันออกจากระเบียงของอาคารสำนักงานรัฐบาล หลังพระราชพิธีวางพวงมาลาสดุดีวีรชนของชาติเสร็จสิ้นสมบูรณ์
“ผมคิดเลยว่า นั่นคือปรากฏการณ์ที่พระราชตระกูลทรงผนึกกำลังเข้าด้วยกัน” ฮิวโก วิกเคอร์ เผยถึงความซาบซึ้งในพลังน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพระราชวงศ์อังกฤษ
แล้วก็กล่าวไปถึงปรินซ์แฮร์รีว่า จะน่าประหลาดใจอย่างยิ่ง ถ้าพระองค์เฝ้าดูการถ่ายทอด แล้วจะไม่มีความรวดร้าวขณะที่คิดว่า ‘ความยิ่งใหญ่อย่างนั้นแหละ ที่ผมตีจากออกมา’ แล้วไปนั่งเป็นคนนอก เฝ้าชมจากเมืองมอนเตซิโตในสหรัฐอเมริกา
พระราชตระกูลวินด์เซอร์ทรงพร้อมพระทัยเสด็จเข้าร่วมพระราชพิธีวางพวงมาลา สดุดีวีรชนแห่งสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ซึ่งจัดกันอย่างโอฬารทุกปี ณ อนุสรณ์สถานสงครามแห่งชาติ เซโนแทฟ ในถิ่นเวสต์มินสเตอร์ กรุงลอนดอน
โดยสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงนำผู้คนทั้งมวลสงบนิ่งสองนาทีเพื่อไว้อาลัยแก่ผู้พลีชีพเพื่อประเทศชาติและพระราชบัลลังก์ หลังจากนั้น กษัตริย์ชาร์ลส์ พร้อมด้วยเจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด และเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ วางพวงมาลาสดุดี ณ อนุสรณ์สถานฯ เซโนแทฟ
ด้านเจ้าหญิงเคทแห่งเวลส์ และดัชเชสโซฟีแห่งเอดินบะระ ประทับแลมองลงมาจากระเบียงของอาคารสำนักงานรัฐบาล และร่วมแสดงความเคารพต่อผู้พลีชีพจากระยะห่าง พร้อมกันกับทหารผ่านศึกหลายพันนายที่ตั้งแถวรอเดินแปรขบวนด้วยความภาคภูมิใจ อันเป็นอะไรที่อดีตนายทหารอย่างปรินซ์แฮร์รีทรงมีประสบการณ์ร่วมมาโดยตลอด ก่อนจะตัดสินพระทัยวอล์กเอาท์จากการปฏิบัติงานสนองพระเดชพระคุณสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และเดินทางออกจากประเทศอังกฤษไปปักหลักสร้างครอบครัวอยู่กับพระชายาเมแกน ในสหรัฐอเมริกา
ในเมื่อทรงไม่ปฏิบัติหน้าที่ พระองค์ย่อมต้องสูญเสียสิทธิประโยชน์ต่างๆ ซึ่งเคยได้รับในฐานะพระราชวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ที่ทรงงาน ไม่ว่าจะเป็นเบื้ยหวัดรายปี คำนำหน้าพระนามว่า His Royal Highness สถานภาพทางทหารทั้งในส่วนของพระยศและสิทธิที่จะทรงสวมเครื่องแบบ ซึ่งทรงได้รับในฐานะพระราชวงศ์ พร้อมกันนั้น ระดับของการได้เข้าร่วมในพระราชพิธีต่างๆ ตามสถานภาพใหม่ของพระองค์ ก็ถูกลดชั้นลงเทียบเท่ากับพระธิดาของเจ้าชายแอนดรูว์ ซึ่งทรงเลือกที่จะไม่ปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ฯลฯ
ฮิวโก วิกเคอร์ กล่าวกับเดลิเมลออนไลน์ว่า “สมาชิกพระราชวงศ์ต่างชมชอบที่จะแสดงความเป็นปึกแผ่น ตลอดจนการปฏิบัติพระราชกรณียกิจถวายสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ ยิ่งกว่านั้น ทุกพระองค์ล้วนภูมิพระทัยที่ได้เสด็จออกร่วมพระราชพิธีสดุดีวีรชนผู้พลีชีพ”
พร้อมนี้ ฮิวโก วิกเคอร์ ชี้ว่าพระราชพิธีเพื่อเชิดชูทหารผ่านศึกที่จัดขึ้นทุกปีในเวสต์มินสเตอร์ น่าจะกระตุ้นความรู้สึกสำนึกผิดในพระทัยเจ้าชายแฮร์รี ที่ทรงละทิ้งพระราชประเพณีต่างๆ เดอะซันนำเสนอไว้อย่างนั้น
ฮิวโก วิกเคอร์ ให้ข้อมูลว่าเคยไปเยือนพระราชวังแห่งดยุกแห่งวินด์เซอร์ ผู้ทรงเคยครองพระราชบัลลังก์อังกฤษในพระนามว่า พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 และได้เห็นเรื่องราวในวัยเยาว์ของปรินซ์แฮร์รีเป็นจำนวนมาก โดยปรินซ์ทรงประทับอยู่ท่ามกลางทหารทั้งหลายที่ดูสง่าภาคภูมิในชุดเครื่องแบบ มีตรามงกุฎประดับละลานตา มีกลองกองทหาร ตลอดจนแผนที่เส้นทางพระดำเนินของปรินซ์
“คุณทราบไหม รายละเอียดเหล่านี้สะท้อนชัดเจนว่าปรินซ์แฮร์รีทรงคิดถึงชีวิตในรั้วในวัง ซึ่งพระองค์เลือกที่จะสละทิ้งไว้เบื้องหลัง” วิกเคอร์เล่าไว้อย่างนั้น พร้อมชี้ด้วยว่า สำหรับอดีตนายทหารที่รับราชการนานถึง 10 ปี รวมถึงการออกปฏิบัติภารกิจในอัฟกานิสถานรวม 2 รอบ และได้รับพระราชทานยศร้อยเอก นั้น พระราชพิธีรำลึกทหารผ่านศึกอันยิ่งใหญ่เป็นเรื่องใกล้ตัวใกล้หัวใจของพระองค์อย่างเหลือเกิน
ปรินซ์แฮร์รีทรงคิดถึงวันเวลาในอดีต ที่พระองค์เคยเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงออกถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันภายในพระราชพิธีรำลึกทหารผ่านศึก ตลอดจนวันเวลาที่ทรงประทับในพระราชพิธีในฐานะสมาชิกพระราชวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ อีกทั้งบทบาทอันน่าภาคภูมิใจที่พระองค์ได้รับมอบในวัน Remembrance Day เมื่อหลายปีก่อนซึ่งปรินซ์ยังทรงเป็นหนึ่งเดียวกับพระราชตระกูลโดยรวม ฮิวโก วิกเคอร์ ฟันธงไว้อย่างนั้น
ด้านดิเอ็กซ์เพรสรายงานว่าพวงมาลาที่ปรินซ์แฮร์รีทรงใช้ในพระราชพิธี ยังถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี
หลังประสบความสำเร็จกับคลิปพระครอบครัวแสนรัก ทั้งกอด ทั้งจุ๊บๆ ใน VDO อัพเดทโรคมะเร็งของ ‘เคท’ แต่นี้ไป ‘วิลเลียม’ จะทรงเดินหน้าในวิถี PDA - โชว์หวานออกสื่อ ให้เห็นบ่อยๆ กูรูฟันธง
ในวโรกาสที่เจ้าหญิงเคท พระชายาสุดที่รักของเจ้าฟ้าชายวิลเลียม ทรงเสด็จร่วมพระราชอีเวนต์แห่งสำนักพระราชวังเป็นครั้งแรก หลังจากทรงพักรักษาโรคมะเร็งนาน 9 เดือน ผู้เชี่ยวชาญฟันธงเลยว่า ต่อแต่นี้ไป ประชาชนและบรรดาแฟนคลับของปรินซ์และปรินเซสแห่งเวลส์พระคู่รักขวัญใจพสกนิกร จะได้เห็นพระองค์ทั้งสองแสดงออกซึ่งความรัก ความห่วงใย และการปกป้องกันและกัน มากยิ่งๆ ขึ้นไป
วิถี PDA - Public Display of Affection จะเป็น พระนิวนอร์มอล แน่นอน หลังจากทรงได้เสียงตอบรับยอดเยี่ยมต่อคลิปอัพเดทการรักษาโรคมะเร็ง ซึ่งนำเสนอบรรยากาศอันเต็มไปด้วยการแสดงออกซึ่งความรักใคร่ใกล้ชิด แบบว่า ส่วนพระองค์สุดๆ
จูดี้ เจมส์ ผู้เชี่ยวชาญภาษาร่างกาย ทำนายถึง “พระนิวนอร์มอล” อันมุ้งมิ้งน่ารัก โดยวิเคราะห์จากวิดีโอคลิปพระกรณียกิจที่ทรงเข้าร่วมพระราชอีเวนต์แห่งเทศกาลคอนเสิร์ตรำลึกถึงทหารผ่านศึก ในค่ำคืนเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2024
กูรู จูดี้ เจมส์ ชี้ชวนให้สังเกตกันว่าในคลิปใหม่หนึ่งนาทีครึ่ง ซึ่งปรินซ์และปรินเซสแห่งเวลส์ทรงทักทายกับคณะผู้จัดงานตรงบริเวณบันไดเข้าสู่มหาอาคารคอนเสิร์ตรอยัล อัลเบิร์ต ฮอลล์ พระหัตถ์ของปรินซ์วิลเลียมและปรินเซสเคทจะส่งกำลังพระทัยสู่กันและกันมิได้ห่าง ซึ่งผิดแผกแตกต่างจากเดิมๆ ที่ทั้งสองพระองค์มักที่จะระวังพระอากัปกิริยาแห่งความรักในยามที่เสด็จออกสู่สายตาสาธารณชน อันเป็นวิถีของพระราชประเพณีโบราณที่เน้นความเป็นทางการ
เจ้าหญิงเคทผู้ทรงพระสิริโฉมงดงามอ่อนหวานมากขึ้น พร้อมพระออร่าสงบนุ่มนวลน่ามอง ปรากฏพระองค์เคียงข้างกับเจ้าฟ้าชายวิลเลียม ณ ทางเข้าสู่มหาอาคารคอนเสิร์ตรอยัล อัลเบิร์ต ฮอลล์ อันโอฬาร โดยปรินเซสและปรินซ์แห่งเวลส์ทรงแสดงออกซึ่งภาษาร่างกายระหว่างกันอย่างสบายๆ สุดแสนที่จะน่ารัก เฉกเช่นคู่สามีภรรยาแห่งอุดมคติที่ว่า ยิ่งอยู่ด้วยกันนานเพียงใด ความดีและความทุ่มเทที่เชื่อมโยงดวงใจ ก็ยิ่งโหมให้ความรักหยั่งรากลึกซึ้งเพียงนั้น
ผู้เชี่ยวชาญคนดังของอังกฤษ จูดี้ เจมส์ จอมกูรูด้านภาษาร่างกาย ชี้ว่าพระหัตถ์ของทั้งสองพระองค์จะจับต้องกันและกันมิได้ห่าง เจ้าชายวิลเลียมผู้ทรงไหล่กว้าง ร่างสูงสง่า ทรงมักที่จะตระกองกอดโอบเอวแบบบางของเจ้าหญิงเคทในพระอิริยาบถแห่งรักและห่วงใย
ในหลายโมเมนต์เหล่านั้น ผู้คนทั่วโลกต่างได้เห็นเจ้าหญิงเคทแห่งเวลส์ทรงลูบพระขนองของพระสวามีอย่างนุ่มนวลรักใคร่ และเจ้าฟ้าชายวิลเลียมก็แตะบั้นพระองค์ของพระชายาเบาๆ ต่อด้วยการโอบพระกายชดช้อยของเจ้าหญิงเคทขณะเช็กแฮนด์กับประธานคณะผู้บริหารรอยัล อัลเบิร์ต ฮอลล์
“ปรินซ์วิลเลียมจะทรงมองพระพักตร์ของปรินเซสเคทด้วยสายพระเนตรเปี่ยมรัก และเมื่อปรินเซสทรงทอดพระกรลง พระกรของปรินซ์ก็จะเข้าไปโอบกอดพระชายาอย่างใกล้ชิด หลังจากนั้น พระหัตถ์ของปรินซ์ยังแตะไปบนลาดหลังของปรินเซสอย่างปกป้อง นับเป็นบรรยากาศสบายๆ ที่สามีจะส่งกระแสสัมผัสออกไปยังภรรยาแสนรักนั่นเอง” จูดี้ เจมส์ ผู้เชี่ยวชาญภาษาร่างกาย พรรณนาปลื้มปริ่มไว้อย่างนั้น
คลิปสำคัญที่ด้านหน้าอาคาร Royal Albert Hall ซึ่งปรินซ์วิลเลียมกับปรินเซสแคเธอริน ขวัญยี่หวาของพสกนิกรอังกฤษ แสดงออกถึงความรักใคร่ผูกพันและปกป้องกันและกันอย่างสนิทชิดเชื้อ แบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าปรินซ์และปรินเซสแห่งเวลส์ทรงเข้าสู่วิถีใหม่แห่ง PDA - Public Display of Affection เป็นยุคใหม่แห่งภาษาร่างกายฉ, โดยประชาชนจะได้เห็นพระอากัปกิริยาอ่อนหวานอ่อนโยนในระหว่างพระสวามีกับพระชายาแสนรัก มากมายยิ่งๆ ขึ้นไป
พร้อมนี้ ผู้เชี่ยวชาญ จูดี้ เจมส์ ยังเล่าเพิ่มเติมว่าตลอดห้วงแห่งพระราชคอนเสิร์ตเชิดชูเกียรติแก่บรรดาผู้พลีชีพเพื่อประเทศชาติและพระราชบัลลังก์นั้น ปรินซ์และปรินเซสผู้ทรงสวยสง่าสมกัน มักที่จะสบพระเนตร และกระซิบกระซาบยิ้มแย้มแก่กันและกัน อันเป็นพระอากัปกิริยาแห่งความรักและผูกพันอันลึกซึ้งที่เชื่อมโยงสองดวงพระหทัย
กูรูจูดี้ เจมส์ ชี้ว่าสายใยรักยังคงร้อยรัดปรินซ์และปรินเซสแห่งเวลส์ไว้อย่างแนบแน่น และทั้งสองพระองค์น่าจะ “เปิดเผยความในพระทัยอันอ่อนหวานให้พสกนิกรได้ประจักษ์มากขึ้นอีกในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการกอดนิดๆ การเหลือบมองประสานสายพระเนตร อีกทั้งการสัมผัสในอารมณ์ปกป้องซึ่งกันและกันอย่างเปี่ยมล้นด้วยความรักใคร่ใยดี”
คำกล่าวโบราณที่ว่าทั้งสองไม่อาจอดใจที่จะสัมผัสกันและกันตลอดเวลานั้น เป็นบรรยากาศที่จะปรากฏมาให้พสกนิกรได้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ นับจากความสำเร็จของคลิปวิดีโอพระครอบครัวเวลส์อันอบอุ่นอ่อนหวานสุดแสนโรแมนติก ณ พระตำหนักแอนเมอร์ ฮอลล์ ในนอร์ฟอล์กเมื่อเดือนสิงหาคม ที่เล่าถึงพลังความผูกพันแห่งชีวิตครอบครัวเวลส์ของพระองค์ และนำไปเผยแพร่ในเดือนกันยายนเพื่ออัพเดทถึงพระพลานามัยของปรินเซสเคท ผู้ซึ่งผ่านกระบวนการบำบัดรักษาโรคมะเร็งมาได้เป็นอย่างดี จูดี้ เจมส์ เจาะพระทัยเจ้าฟ้าชายวิลเลียมไว้อย่างนั้น พร้อมกับวิเคราะห์ด้วยว่า
“การแสดงออกถึงความรักใคร่ใยดีในระหว่างกันแบบ Public Display of Affection น่าจะมีให้เห็นมากขึ้นค่ะ ไม่ว่าจะเป็นพระอากัปกิริยาที่ประชาชนจะรู้สึกได้ว่าทั้งสองพระองค์ทรงสนับสนุนกันและกัน หรือพระอากัปกิริยาที่ทรงปกป้องกันและกัน บรรยากาศใหม่ๆ นี้จะเป็นการก้าวออกจากแนวปฏิบัติเดิมๆ ที่ปรินซ์และปรินเซสแห่งเวลส์ทรงเคยระมัดระวังการปฏิบัติต่อกันในที่สาธารณะ เพื่อความสุภาพในแบบฉบับอนุรักษ์นิยมตามโบราณราชประเพณี
แนวโน้มใหม่นี้อาจเป็นการปรับเปลี่ยนเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาแต่เก่าก่อน ซึ่งเคยทำให้เจ้าหญิงไดอานา พระมารดาของเจ้าฟ้าชายวิลเลียมต้องจมอยู่ในความทุกข์ตรม” กูรู จูดี้ เจมส์ กล่าววิเคราะห์
ด้านเดลิเมลออนไลน์วิเคราะห์เชื่อมโยงบรรยากาศใหม่นี้ว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับความรู้สึกของเจ้าฟ้าชายวิลเลียม ซึ่งทรงผ่านห้วงแห่งความหวาดหวั่นว่าอาจต้องสูญเสียสตรีผู้เป็นที่รักยิ่งให้แก่โรคมะเร็ง
โดยเดลิเมลออนไลน์ชี้ว่าก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน ปรินซ์วิลเลียมเพิ่งจะประทานสัมภาษณ์ว่า ปี 2024 เป็นห้วงชีวิตอัน “ยากเข็ญ” อย่างที่สุดในพระชนม์ชีพ พร้อมกับตรัสด้วยว่า ทรงภาคภูมิพระทัยว่าทั้งพระราชบิดาและพระชายาต่างรับมือกับโรคร้ายได้อย่างกล้าหาญและเปี่ยมด้วยพระเกียรติภูมิ
นิตยสารโว้ค ยูเค เคยลงลึกในเรื่องนี้ไว้ในห้วงที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงสวรรคตเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2022 ว่าในเย็นวันเสาร์ที่ 10 กันยายน 2022 ปรินซ์วิลเลียมกับพระชายาเคท ทรงเชิญ ปรินซ์แฮร์รีกับพระชายาเมแกน ให้เสด็จพระดำเนินไปด้วยกันที่ด้านนอกพระราชฐานวินด์เซอร์ เพื่อชื่นชมความรักและภักดีที่ประชาชนทั้งมวลพากันมาถวายอาลัยแด่ควีนเอลิซาเบธที่ 2 ผ่านช่อดอกไม้งดงามจำนวนมหาศาล นั้น
พระจริยวัตรระหว่างปรินซ์และปรินเซสแห่งเวลส์ (พระอิสริยยศที่ทรงได้รับพระราชทานในวันที่ 9 กันยายน 2023) มีความแตกต่างอย่างยิ่งยวดกับคู่ของของดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ โดยเจ้าฟ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงแคเธอรินจะทรงไม่แสดงออกซึ่งความรักและผูกพันในระหว่างกัน ขณะอยู่ในสายตาของสาธารณชน ซึ่งตรงข้ามกับคู่ของดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ที่จะอวด PDA มากมาย เช่น จูงมือกันตลอด
โว้ค ยูเค ชี้ว่าปรินซ์วิลเลียมแห่งเวลส์ทรงถูกบ่มเพาะกล่อมเกลาว่าจะต้องเสด็จขึ้นสู่พระราชบัลลังก์พระมหากษัตริย์ในอนาคต พระองค์จึงทรงรักษาพระอากัปกิริยาไว้ในแนวอนุรักษ์นิยมขณะทรงประทับในที่สาธารณะ ซึ่งรวมถึงการปฏิบัติตามจารีตประเพณีที่จะไม่แสดง PDA อวดประชาชน
แต่เมื่อถึงวโรกาสที่ควรจะแสดงออก ปรินซ์ก็ทรงปฏิบัติองค์ได้อย่างน่าทึ่งน่าหลงใหล
อาทิ ในพระราชพิธีอภิเษกสมรสเมื่อปี 2011 ปรินซ์วิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์ (พระอิสริยยศในขณะนั้น) และดัชเชสแคเธอริน ทรงเสด็จออก ณ สีหบัญชรพระราชวังบัคกิงแฮม และปรินซ์ก็ทรงจุมพิตพระชายาเคทด้วยความรักใคร่เต็มล้นพระหฤทัยอ่อนหวาน เป็นที่ปลาบปลื้มของพสกนิกรทั่วประเทศ
หรือในวโรกาสครบรอบหนึ่งทศวรรษการอภิเษกสมรส ทั้งสองพระองค์ก็ทรงตระคองกอดกันและกันอย่างเปี่ยมสุข เพื่อให้ช่างภาพหลวงจัดทำเป็นรูปพระราชทาน แจกจ่ายแก่สื่อมวลชนทั้งปวง
พร้อมนี้ โว้ค ยูเค เล่าว่าประชาชนที่เชียร์ PDA ของปรินซ์แฮร์รีกับดัชเชสเมแกน พากันชื่นชมว่าทั้งสองทรงรักกันมากมาย พร้อมกับค่อนว่าพระจริยวัตรของปรินซ์และปรินเซสแห่งเวลส์ว่า ทรงห่างเหินกันเหลือเกิน
ด้านพสกนิกรที่เชียร์ความเป็นผู้ใหญ่ของปรินซ์วิลเลียมกับปรินเซสเคท แห่กันออกมาอธิบายบนโซเชียลมีเดียว่า ทั้งสองพระองค์ทรงมีสายสัมพันธ์ที่มั่นคง จึงทรงไม่จำเป็นจะต้องอาศัยสัมผัสทางกายมาพิสูจน์ระดับความรักในพระหฤทัย
อาจเป็น “วิกฤติชีวิตจากโรคมะเร็ง” ที่เปลี่ยนปรินซ์วิลเลียมให้ผ่อนคลายจากแนวปฏิบัติที่ระมัดระวังเรื่อง PDA คลิปพระครอบครัวแสนรักและแสนสุขจึงถูกจัดทำขึ้น ประมาณจะเป็นการเปิดยุคแห่งวิถี PDA
ในคลิปวิดีโออัพเดทพระพลานามัยของเจ้าหญิงเคท ที่สำนักพระราชวังเคนซิงตันนำออกเผยแพร่ในวันที่ 9 กันยายน 2024 หลังเจ้าหญิงทรงรับการบำบัดรักษาด้วยคีโมนาน 9 เดือน จนจบคอร์สด้วยดีนั้น เจ้าหญิงเคทและเจ้าฟ้าชายวิลเลียมทรงแสดงออกซึ่งความรักใคร่ผูกพันกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อนๆ นิตยสารพีเพิลตั้งประเด็นไว้ตรงกับความรู้สึกของท่านผู้ชมทั่วโลก
คลิปน่ารักน่าชื่นใจแห่งพระครอบครัวเวลส์ ความยาว 3 นาที ถูกจัดทำในเดือนสิงหาคม โดยถ่ายวิดีโอกันที่พระตำหนักแอนเมอร์ เมืองนอร์ฟอล์ก และเล่าเรื่องด้วยคลิปว่าปรินซ์และปรินเซสแห่งเวลส์ผู้ทรงอภิเษกสมรสในปี 2011 และสร้างพระครอบครัวด้วยกันมาครบ 13 ปี ในศักราช 2024 นั้น ทรงมีพระโอรสและพระธิดานิสัยดีงามด้วยกัน 3 พระองค์ คือ เจ้าชายจอร์จ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ และเจ้าชายหลุยส์
เจ้าหญิงเคทสุดสวยผู้แสนดี กับพระสวามีผู้ทรงใช้ชีวิตด้วยกันมานานกว่า 20 ปีแล้ว ปรากฏพระองค์ในคลิปวิดีโอแบบนิวนอร์มอล ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาชื่นชมจากผู้คนทั่วโลก โดยทรงเคล้าเคลียแนบชิดเฉกเช่นคุณพ่อยังหนุ่ม คุณแม่ยังสาวทั่วไป
ทั้งสองพระองค์เกาะกุมพระหัตถ์อย่างรักใคร่ และในบางช็อต ทรงเอนพระกายเคียงข้างกันบนผืนผ้าปูปิกนิก แล้วเปลี่ยนพระอิริยาบถไปประทับนั่งแนบชิด โดยมีคุณออร์ลา น้องหมาสามัญประจำบ้านนั่งเป็นเพื่อน
นอกจากนั้น ในจุดหนึ่งของคลิป ปรินเซสเคททรงพักพระเศียรแสนสวยบนบ่ากว้างอบอุ่นของปรินซ์วิลเลียมผู้ทรงแข็งแรงและเซ็กซี่ไม่มีแผ่ว และในอีกหนึ่งพระโมเมนต์แห่งความรักลึกซึ้ง ปรินซ์วิลเลียมทรงประทานจุมพิตบนนวลแก้มของพระชายาเคท
ในท่ามกลางภาพสวยๆ น่ารัก น่าชื่นใจไปกับความผูกพันรักใคร่ระหว่างพระบิดา พระมารดา และพระโอรสกับพระธิดา เจ้าหญิงเคททรงเล่าถึงข้อคิดหนักหนาที่กลั่นกรองจากประสบการณ์แห่งการรักษาโรคมะเร็ง และให้บทสรุปประการหนึ่งที่สำคัญอย่างยิ่งว่า
“ความป่วยไข้ใหญ่หลวงในครานี้ เตือนใจดิฉันและวิลเลียมให้รู้สึกขอบคุณที่ได้รับสิ่งสามัญอันสำคัญทั้งหลายในชีวิต ซึ่งพวกเรามากมายมักจะมองข้าม ซึ่งก็คือเรื่องง่ายๆ แห่งการมีความรักและการถูกรัก”
นิยายรักแห่งปรินเซสเคทกับปรินซ์วิลเลียมเริ่มขึ้น ในห้วงที่ทั้งสองพระองค์เป็นนักศึกษาอยู่หอเซนต์แซลลีในมหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูว์ในสกอตแลนด์ เมื่อช่วงต้นทศวรรษ 2000 ในปี 2010 มีการประกาศการหมั้นหมาย หลังจากนั้น พระราชพิธีเสกสมรสมีขึ้นอย่างยิ่งใหญ่โอฬารในวันที่ 29 เมษายน 2011 ณ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์
ทั้งสองพระองค์เฉลิมฉลองครบรอบ 13 ปีแห่งการเสกสมรสในวันที่ 29 เมษายน 2024 ราวหนึ่งเดือนเศษหลังจากที่เจ้าหญิงเคทประกาศแจ้งผ่านคลิปวิดีโอให้ประชาชนได้ทราบว่าทรงพระประชวรด้วยโรคมะเร็งในวันที่ 22 มีนาคม 2024
“เก้าเดือนที่ผ่านมาเป็นห้วงที่หนักหนาอย่างเหลือเชื่อสำหรับครอบครัวของเรา” เจ้าหญิงเคททรงเล่าไว้อย่างนั้น ในวิดีโอน่ารักที่สำนักพระราชวังเคนซิงตันนำออกเผยแพร่ในวันที่ 9 กันยายน 2024 เพื่ออัพเดทให้ประชาชนทราบถึงพระพลานามัยหลังรับการบำบัดด้วยคีโม
“ชีวิตเป็นอย่างที่ทุกท่านทราบ มันสามารถพลิกผันได้ในอย่างปุบปับ และเราก็ต้องหาทางที่จะฝ่าคลื่นลมพายุแห่งท้องน้ำและถนนหนทางที่เราไม่เคยพานพบ”
เจ้าหญิงเคทแสนสวยทรงกล่าวด้วยว่า “เส้นทางของมะเร็งช่างซับซ้อน น่ากลัว และยากจะคาดเดาได้สำหรับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้คนที่ใกล้ชิดเรามากที่สุด” ซึ่งก็ย่อมจะทรงหมายถึงเจ้าฟ้าชายวิลเลียม และพระโอรสพระธิดา
“ด้วยความถ่อมตน มะเร็งจะนำเราให้เผชิญหน้ากับความเปราะบางอ่อนแอต่างๆ ของเราในแบบที่เราไม่เคยคิดมาก่อน และจากตรงนั้น เราจะมีมุมมองใหม่ต่อทุกสิ่ง” เจ้าหญิงเคททรงเล่าประสบการณ์ส่วนพระองค์ออกมาอย่างลึกซึ้ง
ในด้านของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ซึ่งเสด็จเข้าร่วมพระราชอีเวนต์รำลึกถึงทหารผ่านศึก ณ รอยัล อัลเบิร์ต ฮอลล์ ด้วยนั้น ทรงแลดูว่าจะ “อ่อนล้า” เมื่อสมเด็จพระราชินีคามิลลาทรงมิสามารถตามเสด็จมาด้วย เพราะทรงพระประชวร
กระนั้นก็ตาม เจ้าฟ้าหญิงแอนน์ผู้ทรงเป็นพระราชกนิษฐา ได้เสด็จมาประทับเป็นพระกำลังพระทัยเคียงข้างพระเชษฐาธิราช โดยเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ทรงเฝ้ามองและระแวดระวังภัยถวายพระเชษฐาธิราชอย่างเข้มงวด จูดี้ เจมส์ ผู้เชี่ยวชาญการอ่านภาษาร่างกาย เล่าไว้อย่างนั้น
เจ้าหญิงเคททรงฟื้นพระองค์จากโรคมะเร็งแล้ว แม้จะยังไม่ถึงกับหายขาด ขณะเดียวกัน กษัตริย์ชาร์ลส์ยังทรงต้องเข้ารับการบำบัดรักษาโรคมะเร็งอย่างต่อเนื่อง
คอลัมน์ PLANET No.3
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: เดอะซัน ดิเอ็กซ์เพรส เดลิเมลออนไลน์ พีเพิล เอพี ซีเอ็นเอ็น)