xs
xsm
sm
md
lg

ไบเดนอาการหนัก! ชาวเน็ตจับผิดหลงทิศ เดินเข้าป่าแอมะซอนหน้าตาเฉย (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ป็นอีกครั้งที่ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ วัย 81 ปีที่กำลังพ้นจากตำแหน่ง แสดงอาการหลงๆ ลืมๆ เดินออกจากโพเดียมไปอย่างไร้จุดหลังจากกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับภาวะโลกร้อนในป่าฝนแอมะซอน ในบราซิล เมื่อวันอาทิตย์ (17 พ.ย.) ที่ผ่านมา

ระหว่างแถลงข่าวใกล้เมืองเมาเนาซ์ เมืองใหญ่ที่สุดในแถบแอมะซอนของบราซิล ไบเดนพูดเกี่ยวกับอันตรายของภาวะโลกร้อน ความสำคัญของการอนุรักษ์ป่าฝน เช่นเดียวกับกรณีที่รัฐบาลของเขาทุ่มเทลงทุนในพลังงานสะอาด

ไบเดน เน้นย้ำว่าเขาเป็นคนแรกอย่างเป็นทางการ ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่อยู่ในตำแหน่งที่เดินทางเยือนป่าฝนแอมะซอน และประกาศว่ารัฐบาลของเขาจะเริ่มโครงการแนวร่วมทางการเงินพิเศษ เพื่อระดมทุนให้ได้อย่างน้อยๆ 10,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 เพื่อปกป้องพื้นที่ป่า 20,000 ตารางไมล์ของป่าแอมะซอน

อย่างไรก็ตาม หลังเสร็จสิ้นการกล่าวสุนทรพจน์ ไบเดน โบกมือให้กล้อง หันหลังออกไปจากโพเดียม และเริ่มเดินตรงไป มุ่งหน้าสู่สิ่งที่ดูเหมือนว่าจะเป็นป่าเขียวขจีหนาทึบ


นับตั้งแต่นั้น วิดีโอนาทีที่ดูเหมือนประธานาธิบดีวัยชรารายนี้จะหลงทิศ ได้ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางบนสื่อสังคมออนไลน์ โดยมีอยู่คลิปหนึ่งซึ่งโพสต์โดยบัญชี Pop Base จนถึงวันจันทร์ (18 พ.ย.) มีผู้เข้าชมมากกว่า 26 ล้านวิว

ทั้งนี้ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนมากถกเถียงกันว่าที่แท้แล้ว ไบเดน กำลังเดินไปไหน และบางส่วนเขียนติดตลกว่า เขากำลังเดินหลงเข้าไปยังป่าแอมะซอน "ไบเดน เพิ่งโบกมือบายๆ แล้วหายเข้าป่าไปหรือเปล่า?" ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์รายหนึ่งเขียน

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวนิวส์วีก เผยแพร่คลิปฉบับเต็ม อ้างว่า ไบเดน ไม่ได้หลงทิศ และเดินไปตามเส้นทางหนึ่งที่มองไม่เห็นจากในคลิป พร้อมแก้ต่างให้ว่า พวกเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ดูแลการแถลงข่าวหลายคน ก็ใช้เส้นทางเดียวกับ ไบเดน ในเวลาต่อมา

คณะทำงานของไบเดนยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ถ้าประธานาธิบดีรายนี้หลงทิศจริง มันก็ไม่ใช่ความเงอะงะครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับเขา อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวเคยยืนกรานว่าคลิปเกือบทั้งหมดที่เป็นภาพ ไบเดน กำลังสับสนหรือยืนนิ่ง ตามงานกิจกรรมต่างๆ เป็นการตัดต่อ โดย คารีน ฌอง-ปิแอร์ เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของไบเดน ชี้ว่ามันเป็นเพียง "คลิปปลอมที่ไร้ค่า"

(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)


กำลังโหลดความคิดเห็น