บรรดาพันธมิตรของว่าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาโพสต์โซเชียลมีเดียโจมตีประธานาธิบดี โจ ไบเดน เมื่อวานนี้ (17 พ.ย.) กรณีเปิดไฟเขียวให้ยูเครนนำอาวุธพิสัยไกลของอเมริกาไปใช้ยิงโจมตีดินแดนรัสเซีย
ตามข้อมูลจากรอยเตอร์ซึ่งอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิด 3 คน ไบเดน จะอนุญาตให้ยูเครนนำอาวุธที่ได้จากสหรัฐฯ ไปใช้ยิงโจมตีแดนหมีขาว และคาดว่าปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายที่อยู่ลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซียจะเกิดขึ้น “ภายในไม่กี่วันข้างหน้า” ทว่ารายละเอียดนั้นยังไม่ถูกเปิดเผยด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง
ยิ่งไปกว่านั้น ไบเดน ยังยินยอมให้ยูเครนใช้ระบบขีปนาวุธทางยุทธวิธีของกองทัพบก (Army Tactical Missile System - ATACMS) ซึ่งมีพิสัยทำการสูงสุด 190 ไมล์ หรือราว 300 กิโลเมตร ยิงถล่มรัสเซียได้ด้วย
การตัดสินใจครั้งสำคัญของ ไบเดน มีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ได้เรียกร้องมานานหลายเดือนให้วอชิงตันไฟเขียวใช้อาวุธพิสัยไกลโจมตีเป้าหมายในรัสเซียได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำเนียบขาวปฏิเสธมาโดยตลอดเนื่องจากเกรงว่าจะเป็นการยกระดับสงคราม
อย่างไรก็ดี การที่ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียนำทหาร “เกาหลีเหนือ” เข้าสู่พื้นที่แนวหน้าในยูเครนถือเป็นความเคลื่อนไหวสำคัญที่ทำให้วอชิงตันต้องเปลี่ยนความคิด
ประธานาธิบดี ปูติน เคยกล่าวเตือนเอาไว้เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ว่า หากอาวุธพิสัยไกลของตะวันตกถูกนำมาใช้ยิงโจมตีรัสเซีย มอสโกจะถือว่าสหรัฐฯ และองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เข้ามามีส่วนร่วมในสงครามโดยตรง ซึ่งเท่ากับว่าสถานการณ์การสู้รบได้ “เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ”
คำสั่งของ ไบเดน เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทันควันจากบรรดาพันธมิตรทรัมป์ ซึ่งต่างกล่าวหาผู้นำสายเดโมแครตวัย 81 ปี ว่าตั้งใจกระพือสงครามในช่วงไม่กี่สัปดาห์สุดท้ายก่อนพ้นตำแหน่ง และย้ำถึงคำมั่นสัญญาของ ทรัมป์ ที่จะเข้ามาจบสงครามรัสเซีย-ยูเครนให้ได้โดยเร็ว
มาร์จอรี เทย์เลอร์ กรีน ส.ส.รีพับลิกันจากรัฐจอร์เจียซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนทรัมป์ตัวยง ได้ประณาม ไบเดน ผ่าน X ว่า “ในขณะที่ตัวเองกำลังจะพ้นตำแหน่ง โจ ไบเดน กลับพยายามอย่างอันตรายที่จะจุดชนวนสงครามโลกครั้งที่ 3 ด้วยการอนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธพิสัยไกลของสหรัฐฯ โจมตีรัสเซีย ชาวอเมริกันได้มอบอาณัติ (mandate) ในวันที่ 5 พ.ย. แล้วว่าพวกเขาต่อต้านการตัดสินใจเช่นนี้ และไม่ต้องการจ่ายเงินสนับสนุนหรือทำสงครามในต่างแดน เราต้องแก้ไขปัญหาของเราเองก่อน พอกันทีกับเรื่องพวกนี้ มันจะต้องจบลง”
เดวิด แซคส์ นักลงทุนด้านเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตและพิธีกรร่วมของ All-In Podcast โพสต์ X เช่นกันว่า “ประธานาธิบดี ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งด้วยการรับปากว่าจะเข้ามาหยุดสงครามในยูเครน แล้วสิ่งที่ ไบเดน ทำในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนพ้นตำแหน่งคืออะไร? กระพือสงครามให้เลวร้ายลงอีก นี่เขาจงใจทำให้ ทรัมป์ ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายที่สุดใช่หรือไม่?”
ด้าน ไมค์ ลี ส.ว.รีพับลิกันจากรัฐยูทาห์ ก็ออกมาตั้งข้อสังเกตผ่าน X ว่า “พวกลิเบอรัลรักสงคราม” และ “สงครามเอื้อต่อการขยายอำนาจบริหาร” ซึ่งปรากฏว่ามหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ หนึ่งในผู้สนับสนุนตัวเอ้ของทรัมป์ ก็ได้เข้ามาโพสต์ตอบว่า “ใช่เลย”
แม้ตัว ทรัมป์ เองจะยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการตัดสินใจของ ไบเดน ทว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ บุตรชายคนโตของเขา ก็ได้โพสต์ข้อความใน X ว่า “อุตสาหกรรมทางทหารดูเหมือนจะพยายามทำทุกทางเพื่อให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ก่อนที่พ่อของผมจะมีโอกาสสร้างสันติภาพและปกป้องชีวิตผู้คน ต้องยึดเงินหลายล้านล้านดอลลาร์เอาไว้! ชีวิตคนช่างมัน! ช่างโง่เขลาจริงๆ!”
ชาร์ลี เคิร์ก ผู้ก่อตั้งองค์กรไม่แสวงผลกำไร Turning Point USA ก็ออกมาโพสต์ X ด้วยเช่นกันว่า “ไบเดน กำลังพยายามก่อสงครามโลกครั้งที่ 3 นี่คือความบ้าคลั่งอย่างสุดๆ อาวุธของสหรัฐฯ ไม่สมควรถูกนำไปใช้ยิงโจมตีดินแดนภายในรัสเซีย ลองนึกดูซิว่าถ้ารัสเซียจัดส่งขีปนาวุธเพื่อยิงเข้ามาในอเมริกาบ้างล่ะ!”
ทรัมป์ เคยให้สัมภาษณ์ว่าหากเขาได้นั่งอยู่บนโต๊ะเจรจากับ ปูติน และ เซเลนสกี สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนจะจบลง “ภายใน 24 ชั่วโมง”
หลังจากชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 5 พ.ย. ทรัมป์ ไม่รอช้ารีบต่อสายคุยกับ เซเลนสกี และ ปูติน ทันทีภายในไม่กี่วันแรก ซึ่งผู้นำยูเครนก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ Suspilne เมื่อไม่นานนี้ว่า การหวนคืนทำเนียบขาวของ ทรัมป์ “จะทำให้สงครามจบเร็วขึ้นอย่างแน่นอน”
กระนั้นก็ตาม นักวิจารณ์หลายคนเตือนว่าการรีบร้อนผลักดันข้อตกลงสันติภาพอาจจะไปส่งผลดีกับ ปูติน มากกว่า
ที่มา : Newsweek