ชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังส่งผลกระทบต่อการคิดคำนวณของเกาหลีใต้ ว่าควรเริ่มจัดหาวุธป้อนแก่ยูเครนหรือไม่ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานอ้างอิงพวกเจ้าหน้าที่ในกรุงโซลในวันพฤหัสบดี (14 พ.ย.) ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับจุดยืนในสงครามยูเครน ของว่าที่ประธานาธิบดีรายนี้
ก่อนหน้านี้ สมาชิกในรัฐบาลของประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล ชี้แนะว่าเกาหลีใต้ควรปรับเปลี่ยนนโยบายที่ยึดถือมาช้านาน เกี่ยวกับการไม่ส่งออกอาวุธร้ายแรงให้ประเทศต่างๆ ที่อยู่ในภาวะสงคราม หลังจากเมื่อเดือนที่แล้ว พวกเขาเน้นย้ำว่าเกาหลีเหนือกำลังประจำการทหารหลายพันนายในรัสเซีย
ในสัปดาห์นี้ มอสโกและเปียงยางให้สัตยาบันรับรองสนธิสัญญาทวิภาคีฉบับหนึ่ง ซึ่งรวมถึงข้อกำหนดต่างๆ สำหรับการมอบความช่วยเหลือด้านการทหารต่อต้านการรุกรานของกองกำลังต่างชาติ ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เคยบอกก่อนหน้านี้ว่าแนวทางการปฏิบัติตามพันธสัญญาร่วม เป็นเรื่องของทั้ง 2 ประเทศ
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานอ้างเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ 2 คน ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม ระบุว่าโซลกำลังทบทวนพิจารณาใหม่เกี่ยวกับท่าทีของพวกเขา หลังทรัมป์คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ ท่ามกลางความคาดหมายว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในแนวทางของวอชิงตันในความขัดแย้งยูเครน ภายใต้การบริหารงานของว่าที่ประธานธิบดีรายนี้
บลูมเบิร์กระบุต่อว่า เวลานี้ความเป็นไปได้ที่เกาหลีใต้จะจัดหาอาวุธป้อนแก่ยูเครนลดต่ำลง ในขณะที่ทำเนียบประธานาธิบดีโซล เผยเพียงว่า "จะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรและคู่หูของเราในนโยบายต่างๆ"
คิม จุง ศาตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยศึกษาเกาหลีเหนือในกรุงโซล ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า "มันเป็นเรื่องน่าอึดอัดอย่างมากสำหรับเกาหลีใต้ ที่ไม่ใช่กระทั่งสมาชิกนาโต ในการก้าวเข้าไปพัวพัน ณ เวลานี้ หากว่า ทรัมป์ ก้าวเข้าสู่ทำเนียบขาว แล้วต้องการถอนตัวออกจากความขัดแย้ง"
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน อ้างว่าการป้อนอาวุธแก่กองกำลังเคียฟจะเป็นประโยชน์แก่เกาหลีใต้เอง เพราะโซลจะสามารถทดสอบคุณภาพอาวุธที่จะใช้กับทหารเกาหลีเหนือ ในกรณีที่เกิดการสู้รบจริง พร้อมกับกล่าวอ้างระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เคบีเอส สื่อแดนโสมขาว เมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคม บ่งชี้ด้วยว่าโซลจะจำเป็นต้องการพันธมิตร ในกรณีที่ถูกโจมตีโดยเกาหลีเหนือ
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) คาดการณ์ว่ามีทหารเกาหลีเหนือ 12,000 นาย ถูกส่งไปยังรัสเซีย เพื่อฝึกฝนและเป็นไปได้ว่าจะเข้าประจำการสู้รบกองกำลังยูเครน ในแคว้นคูร์สก์ ดินแดนของรัสเซีย ที่เคียฟเปิดฉากรุกรานในเดือนสิงหาคม
(ที่มา : บลูมเบิร์ก/อาร์ทีนิวส์)