เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติในเจนีวา บอกผู้สื่อข่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (14 พ.ย.)ว่า รัสเซียเปิดกว้างสำหรับการเจรจายุติสงครามในยูเครน หากเป็นการริเริ่มโดยว่าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การพูดคุยใดๆ จำเป็นต้องยอมรับความเป็นจริงเกี่ยวกับการรุกคืบของรัสเซียด้วย
ทรัมป์ วิพากษ์วิจารณ์ซ้ำๆ เกี่ยวกับขนาดความช่วยเหลือของตะวันตกที่มอบแก่เคียฟ และให้สัญญายุติความขัดแย้งอย่างรวดเร็ว โดยไม่อธิบายว่าจะดำเนินการอย่างไร ชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พฤศจิกายน โหมกระพือความกังวลในเคียฟและทั่วยุโรป เกี่ยวกับระดับคำมั่นสัญญาของสหรัฐฯ ที่จะมอบความช่วยเหลือแก่ยูเครนในอนาคต
เกนนาดี กาติลอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติในเจนีวา "ทรัมป์สัญญาจะยุติวิกฤตยูเครนชั่วข้ามคืน โอเค ลองให้เขาพยายามดู แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราเข้าใจว่าเรื่องนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้น" เขากล่าว "อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาเริ่มหรือบ่งชี้อะไรบางอย่างในการเริ่มกระบวนการทางการเมือง มันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี"
เอกอัครราชทูตรัสเซียกล่าวต่อว่าการเจรจาดังกล่าวใดๆ จำเป็นต้องอยู่บนพื้นฐานในสิ่งที่เขาเรียกว่า "ความเป็นจริงในภาคสนาม" พร้อมให้คำจำกัดความว่า ยูเครน กำลังตกเป็นรองในความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานานกว่า 2 ปี ขณะที่กองกำลังรัสเซียกำลังรุกคืบในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบอย่างน้อย 1 ปี ในยูเครน และเวลานี้ยึดครองดินแดนยูเครนราว 1 ใน 5
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวว่าสันติภาพไม่อาจสถาปนาขึ้นได้ จนกว่าจะขับไล่กองกำลังรัสเซียพ้นไปจากดินแดนและทุกดินแดนที่รัสเซียบุกยึด ในนั้นรวมถึงแคว้นไครเมีย ทั้งนี้ "แผนแห่งชัยชนะ" ที่เขาร่างเมื่อเดือนที่แล้ว ได้เน้นย้ำเกี่ยวกับเงื่อนไขดังกล่าว เช่นเดียวกับการเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต ที่ถูกรัสเซียประณามมานาน
เซเลนสกี บอกกับพวกผู้นำยุโรปในบูดาเปสต์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าการยอมอ่อนข้อแก่รัสเซีย "จะเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้สำหรับยูเครนและเท่ากับเป็นการฆ่าตัวตายสำหรับยุโรปทั้งมวล"
ปฏิบัติการรุกรานยูเครนของรัสเซียในปี 2022 โหมกระพือการเผชิญหน้าระหว่างมอสโกกับตะวันตก ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามเย็น โดยที่มีประธานาธิบดีโจ ไบเดน เป็นคนขับเคลื่อนความพยายามโดดเดี่ยวรัสเซีย
กาติลอฟ บ่งชี้ว่าชัยชนะในศึกเลือกตั้งของทรัมป์ เป็นตัวแทนของความเป็นไปได้ครั้งใหม่ในการเจรจากับสหรัฐฯ แต่แสดงความสงสัยเกี่ยวกับการรื้อฟื้นความสัมพันธ์แบบกว้างๆ ความคิดเห็นระมัดระวังที่เป็นไปในทิศทางเดียวกับวังเครมลินก่อนหน้านี้
"ชนชั้นสูงทางการเมืองของสหรัฐฯ โดยไม่มองถึงการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองภายในประเทศ เดินหน้ามาอย่างต่อเนื่องในจุดยืนควบคุมมอสโก และการกำหนดทิศทางเช่นนี้เป็นเรื่องเคราะห์ร้ายที่หยั่งรากลึกมานาน และการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลคงไม่ก่อการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย" เขากล่าว
(ที่มา : รอยเตอร์)