เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - คณะผู้แทนอาร์เจนตินาถอนตัวออกมาจากการประชุมเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลก COP29 ที่อาร์เซอร์ไบจานอย่างไม่คาดฝัน เกิดขึ้น 1 วันหลังประธานาธิบดี ฆาบิเอร์ มิเลย์ โทรศัพท์หาว่าที่ผู้นำโลกเสรีคนใหม่ โดนัลด์ ทรัมป์ ท่ามกลางวิกฤตสภาพอากาศโลกที่เห็นคนเสียชีวิตทั่วโลกมหาศาลปีนี้ และอาจมีสิทธิเห็นทรัมป์ถอนสหรัฐฯ ออกจากสนธิสัญญาปารีสรอบใหม่
สกายนิวส์ของอังกฤษรายงานวันพฤหัสบดี (14 พ.ย.) ว่า คณะผู้แทนอาร์เจนตินาถูกสั่งให้เก็บกระเป๋าและเดินทางกลับวันพุธ (13) แค่ 3 วันจาก 2 สัปดาห์ของการประชุมที่อาเซอร์ไบจาน
สกายนิวส์รายงานว่า ไม่มีการแสดงเหตุผลออกมา แต่ทว่าประธานาธิบดีสายการเมืองปีกขวา ฆาบิเอร์ มิเลย์ ที่ก่อนหน้าเคยแสดงวาทะเรียก “วิกฤตสภาพอากาศโลก” ว่าเป็น คำโกหกพวกโซเชียลลิสต์ ได้สนทนากับว่าที่ประธานาธิบดีอเมริกันคนใหม่ โดนัลด์ ทรัมป์ ในวันก่อนหน้า อ้างอิงจากโฆษกประธานาธิบดีอาร์เจนตินา
มานุเอล อดอร์นี (Manuel Adorni) แถลงผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า “ ทรัมป์ได้กล่าวกับมิเลย์ว่า “คุณเป็นประธานาธิบดีที่ผมชื่นชอบ”
ทั้งนี้ CNN ของสหรัฐฯ รายงานเพิ่มเติมว่า อาร์เจนตินาสั่งให้ผู้แทนตัวเองเดินทางกลับบ้านในขณะที่ตัวประธานาธิบดีกำลัง
มุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ Mar-a-Lago ของทรัมป์ที่รัฐฟลอริดา
เชื่อว่ามิเลย์จะเดินทางมาที่ Mar-a-Lago เพื่อเข้าร่วมการประชุมการประชุมกลุ่มสนับสนุนทางการเมือง CPAC ที่ทรงอิทธิพลของพรรครีพับลิกันที่กำลังจะจัดขึ้นที่คฤหาสถ์แห่งนี้
แหล่งข่าวเปิดเผยกับ CNN สัปดาห์ที่แล้วว่า ผู้นำอาร์เจนตินาที่ชื่นชมในตัวทรัมป์มีแผนที่จะพบกับว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และเขามีเป้าหมายจะเข้าร่วมพิธีสาบานตนของทรัมป์ที่กำลังจะจัดขึ้นในเดือนมกราคมปี 2025
ทั้งนี้เมื่อเดือนที่แล้ว มิเลย์ได้สั่งปลดฟ้าผ่าอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศอาร์เจนตินา ไดอานา มอนดิโน (Diana Mondino) หลังออกเสียงโหวตสนับสนุนการยกเลิกมาตรการปิดล้อมคิวบาในการโหวตที่ประชุมสหประชาชาติแบบไม่มีผลผูกพัน
สกายนิวส์รายงานต่อว่า การถอนตัวของอาร์เจนตินาสร้างความวิตกต่อสถานะความมั่นคงของข้อตกลงปารีสหลังการกลับเข้าสู่ทำเนียบขาวอีกครั้งของโดนัลด์ ทรัมป์
อย่างไรก็ตาม หนึ่งในคณะผู้แทนร่วม COP29 เปิดเผยว่า ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะมีชาติอื่นๆ เดินทางกลับ
ส่วนเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ที่ใกล้ชิดกับกระบวนการได้ยืนยันคล้ายกันว่า ยังไม่พบสัญญาณใดๆ
อัลญะซีเราะห์ของกาตาร์รายงานวันพฤหัสบดี (14) ว่า ปีนี้ถือเป็นปีวิกฤตด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศทั่วโลกและเห็นยอดคนตายมหาศาลจากพายุ ฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และเขื่อนแตก
เป็นต้นว่า ไต้ฝุ่นยางิคร่าชีวิตพม่าไป 226 คน ส่วนไทยเสียชีวิตจากน้ำท่วมครั้งมโหฬารไป 49 คน ขณะที่สหรัฐฯ ต้องเสียชีวิตไปไม่ต่ำกว่า 230 คนจากพายุเฮอร์ริเคนเฮเลน สเปนเสียชีวิตจากน้ำท่วมฉับพลันไป 223 คน ขณะที่อินเดียพบว่าตลอดทั้งปี 2024 มีคนเสียชีวิตไปจากสภาพอากาศโหดร้าย ทั้งฝนตกหนัก น้ำท่วม และฟ้าผ่าไปเกือบ 1,500 คน และเขื่อนแตกที่ซูดานเสียชีวิตไปกว่า 60 คน เป็นต้น
และทำให้ผู้เชี่ยวชาญอิสระระดับสูงด้านการเงินทางสภาพอากาศโลก (IHLEG) ในที่ประชุมกรุงบากู ต้องการระดมทุน 6.5 ล้านล้านดอลลาร์/ปีภายในปี 2030 เพื่อแก้ปัญหาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลกหรือความเสี่ยงอื่นๆ