เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งภาพประวัติศาสตร์สำหรับการเมืองอเมริกันเลยก็ว่าได้ เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่สายรีพับลิกัน เดินทางเข้าทำเนียบขาวพบกับประธานาธิบดี โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตซึ่งเป็นศัตรูคู่ปรับทางการเมืองกันมานานเมื่อวันพุธ (13 พ.ย.) โดยทั้งสองได้ใช้เวลาหารือกันในประเด็นยูเครนและสงครามตะวันออกกลาง ท่ามกลางบรรยากาศอันอบอุ่นเป็นมิตรที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้สังคมได้มั่นใจว่า การถ่ายโอนอำนาจครั้งนี้จะเป็นไปอย่างสันติ แม้จุดยืนด้านนโยบายของทั้งสองคนจะแตกต่างกันก็ตาม
ผู้นำทั้งสองนั่งอยู่เคียงข้างกันโดยมีเตาผิงภายในห้องทำงานรูปไข่ (Oval Office) เป็นฉากหลัง ซึ่งเป็นบรรยากาศที่ดูสงบสุข ผิดจากความเป็นจริงที่ ทรัมป์ และ ไบเดน มีปมขัดแย้งร้าวลึกกันมานาน
“ท่านทั้งสองได้หารือนโยบายสำคัญๆ ในด้านความมั่นคงของชาติและเรื่องราวภายในประเทศต่อหน้าชาวอเมริกันและทั่วโลก” คารีน ฌ็อง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาวระบุในถ้อยแถลง “มันเป็นการพบปะที่อบอุ่น งดงาม และมีความหมาย”
การหารือครั้งนี้กินเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ตามข้อมูลจากโฆษกทำเนียบขาว
ไบเดน พยายามชี้แจงกับ ทรัมป์ ว่าการสนับสนุนยูเครนถือเป็นผลดีต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ ด้วย เพราะยุโรปที่มั่นคงและเข้มแข็งจะช่วยให้อเมริกาไม่ถูกดึงเข้าสู่สงคราม ตามข้อมูลที่ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติทำเนียบขาว ออกมาเผยต่อสื่อมวลชน
ด้าน ทรัมป์ ก็รับปาก ไบเดน ว่าจะทำให้สงครามรัสเซีย-ยูเครนยุติลงโดยเร็ว แต่ไม่ได้บอกว่าจะทำอย่างไร
ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์ว่า ตนและไบเดน “ได้คุยกันอยู่นานในเรื่องตะวันออกกลาง”
“ผมอยากจะทราบมุมมองของเขาว่าสหรัฐฯ ยืนอยู่ในจุดไหน” นิวยอร์กโพสต์อ้างคำพูดของทรัมป์ “ซึ่งเขาก็ได้ชี้แจงให้ผมทราบ เขามีน้ำใจมาก”
ไบเดน เคยเอาชนะ ทรัมป์ ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2020 แต่ตัดสินใจสละสิทธิไม่ลงชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ สมัยสองในปีนี้ หลังจากที่ทำผลงานดีเบตกับ ทรัมป์ ได้ย่ำแย่ และได้เปิดทางให้รองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส เข้าชิงชัยแทน ทว่าสุดท้ายเธอก็พ่ายให้กับ ทรัมป์
ทรัมป์ และ ไบเดน ยังได้พูดคุยกันถึงการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ
“ผมรอคอยที่จะมี... อย่างที่เราได้พูดกันไปแล้ว... การเปลี่ยนผ่านอย่างราบรื่น ทำทุกอย่างที่เราทำได้เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะมีพร้อมทุกอย่างที่จำเป็น” ไบเดน กล่าวต่อ ทรัมป์ พร้อมตบท้ายว่า “ยินดี ยินดีต้อนรับกลับมาอีกครั้ง”
ทรัมป์ ซึ่งจะเข้าพิธีสาบานตนเป็นประธานาธิบดีในวันที่ 20 ม.ค. เอ่ยตอบ ไบเดน ว่า “การเมืองเป็นเรื่องที่หนัก และในหลายๆ กรณีก็ไม่ใช่โลกที่สวยงาม แต่วันนี้โลกสวยงาม และผมรู้สึกซาบซึ้งใจจริงๆ การเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่นที่สุด มันจะราบรื่นที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และผมซาบซึ้งมากจริงๆ โจ”
ผู้สื่อข่าวหลายคนพยายามตะโกนตั้งคำถามกับผู้นำทั้งสอง แต่ถูกเชิญให้ออกจากพื้นที่ไป
ทั้งนี้ การเชื้อเชิญว่าที่ประธานาธิบดีคนต่อไปมายังห้องทำงานรูปไข่เป็นธรรมเนียมที่ ทรัมป์ ไม่ได้เอื้อเฟื้อให้กับ ไบเดน ตอนที่อีกฝ่ายชนะเลือกตั้งในปี 2020
ทรัมป์ และ ไบเดน ต่างใช้ถ้อยคำวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเผ็ดร้อนตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา และทีมงานของทั้งคู่ก็มีจุดยืนเชิงนโยบายที่ต่างกันสุดขั้ว ตั้งแต่เรื่องปัญหาความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเรื่อยไปจนถึงรัสเซียและการค้า
ไบเดน วัย 81 ปี กล่าวหา ทรัมป์ ว่าเป็นภัยคุกคามต่อระบอบประชาธิปไตย ในขณะที่ ทรัมป์ วัย 78 ปี ก็เย้ยหยัน ไบเดน ว่าเป็นผู้นำที่ด้อยศักยภาพ และยังกล่าวอ้างอย่างผิดๆ ว่าตนเองถูก ไบเดน โกงชัยชนะในศึกเลือกตั้งปี 2020 ด้วย
ที่มา : รอยเตอร์