ราคาน้ำมันทรงตัวในระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์วันอังคาร (12 พ.ย.) หลังโอเปกปรับลดประมาณการการเติบโตของอุปสงค์และดอลลาร์แข็งค่า ปัจจัยหลังนี้ฉุดทองคำขยับลงต่อเนื่อง ขณะที่วอลล์สตรีทปิดลบ จากแรงขายทำกำไรของนักลงทุน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 8 เซนต์ ปิดที่ 68.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 6 เซนต์ ปิดที่ 71.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตลาดน้ำมันถูกฉุดจากกรณีที่โอเปกปรับลดประมาณการเติบโตอุปสงค์น้ำมันโลกในปีนี้และปี 2025 ความเคลื่อนไหวที่ถือเป็นการปรับลดประมาณการ 4 ครั้งติดต่อกัน
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังอยู่ภายใต้แรงกดดันของดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ทั้งนี้การแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้ราคาน้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้่อที่ถือสกุลเงินอื่นๆ
ขณะที่ทองคำปรับลดเช่นกัน แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 เดือนในวันอังคาร (12 พ.ย.) หลังการแข็งค่าของดอลลาร์ และมุมมองในทางบวกเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารงานของ โดนัลด์ ทรัมป์ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 11.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,605.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบในวันอังคาร (12 พ.ย.) นักลงทุนเทขายทำกำไร หลังวอลล์สตรีทดีดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง หลังศึกเลือกตั้งอเมริกา และเฝ้ารอข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่มีกำหนดเผยแพร่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ดาวโจนส์ ลดลง 382.15 จุด (0.86 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 43,910.98 เอสแอนด์พี ลดลง 17.36 จุด (0.29 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,983.99 จุด แนสแดค ลดลง 17.36 จุด (0.09 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 19,281.40 จุด
ดัชนีทั้ง 2 ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลายรอบนับตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะได้แรงหนุนจากข้อเสนอปรับลดดอกเบี้ยและผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ ของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
อย่างไรก็ตาม ความคึกคักของนักลงทุนถูกกัดเซาะลงไปบ้างในวันอังคาร (12 พ.ย.) หลังจากตลาดหลักทรัพย์ยุโรปปิดลบ 2% ท่ามกลางคำเตือนของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินธนาคารกลางยุโรป ที่บอกว่ามาตรการรีดภาษีของทรัมป์ จะกัดเซาะการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
(ที่มา : รอยเตอร์)