(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
Wishful Chinese see possible Trump 2.0 window to resolve Taiwan
by Yong Jian
09/11/2024
คอมเมนเตเตอร์ชาวจีนบางคนคิดว่า สหรัฐฯจะหลีกเลี่ยงไม่สู้รบทำศึกกับจีนในช่องแคบไต้หวัน ในระยะเวลา 4 ปีข้างหน้า
ชัยชนะของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ย่อมไม่ใช่ข่าวดีเลยสำหรับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีน-อเมริกา ทว่ามันก็อาจกลายเป็นการเปิดหน้าต่างเพื่อการอภิปรายถกเถียงกันในเรื่องการนำไต้หวันมารวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับจีนอีกครั้ง ทั้งนี้ตามความเห็นของพวกคอมเมนเตเตอร์จีนและสื่อจีนบางราย
ตั้งแต่ที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ พวกสื่อตะวันตกก็แสดงความกระหายใคร่รู้จุดยืนของปักกิ่งในหลายๆ เรื่อง ตั้งแต่สงครามยูเครน-รัสเซีย, ความเป็นไปได้ที่จะมีการบังคับขึ้นภาษีศุลกากรซึ่งเก็บจากสินค้าจีนเพิ่มอีก 60%, และเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับไต้หวัน
เหมา หนิง โฆษกผู้หนึ่งของกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้ออกมาแสดงแนวทางอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับประเด็นทั้ง 3 นี้ โดยเธอแถลงดังนี้:
**จีนจะยังคงวางตัวเป็นกลางในเรื่องวิกฤตการณ์ยูเครน [1] และสนับสนุนความพยายามทั้งหลายทั้งปวงที่จะเหนี่ยวนำให้เกิดการรอมชอมทางการเมืองสำหรับวิกฤตการณ์คราวนี้
**จีนไม่ขอให้คำตอบต่อพวกคำถามแบบตั้งสมมุติฐาน [2] เกี่ยวกับภาษีศุลกากรใหม่ของสหรัฐฯ แต่จีนก็ต้องการเน้นย้ำว่าในสงครามการค้านั้นจะไม่มีผู้ชนะ รวมทั้งโลกก็จะไม่ได้ประโยชน์อะไรจากสงครามการค้า
**คำถามว่าด้วยไต้หวัน คือประเด็นที่สำคัญที่สุดและอ่อนไหวที่สุดในความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ และจีนคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อการมีปฏิสัมพันธ์อย่างเป็นทางการระหว่างสหรัฐฯกับไต้หวัน ไม่ว่าในรูปแบบใดก็ตามที
ในวันที่ 7 พฤศจิกายน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนยังได้ส่งสารแสดงความยินดี [3] กับทรัมป์ จากการที่เขาได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ
สี บอกว่าจีนกับสหรัฐฯควรมองหาเส้นทางที่ถูกต้องสำหรับการอยู่ด้วยกันในยุคสมัยใหม่ เพื่อที่จะได้เป็นประโยชน์แก่ประเทศทั้งสองเองและแก่โลกในวงกว้างออกไป
“ประวัติศาสตร์ให้บทเรียนว่า จีนกับสหรัฐฯจะได้ผลดีจากความร่วมมือกัน และประสบความสูญเสียจากการเผชิญหน้ากัน” สี บอก “ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯที่มีเสถียรภาพ, หนักแน่นมั่นคง, และยั่งยืน เป็นสิ่งที่เอื้ออำนวยผลประโยชน์ซึ่งมีอยู่ร่วมกันของประเทศทั้งสอง และสอดคล้องกับความมุ่งมาดปรารถนาของประชาคมระหว่างประเทศอีกด้วย”
ขาดไร้การมองโลกในแง่ดี
หลังจากนั้นไม่นาน พวกผู้รู้ทั้งหลายก็ตั้งข้อสังเกตขึ้นมาว่า ขณะที่ถ้อยคำอย่างเป็นทางการทั้งของ สี และของ เหมา เหล่านี้ เป็นการแสดงออกอย่างสุภาพเรียบร้อย ทว่ากลับไม่ได้เพิ่มเติมส่งเสริมบรรยากาศให้กลายเป็นเสียงเชียร์ดังสนั่นกึกก้องแต่อย่างใดเลย
“เปรียบเทียบกับคำแถลงครั้งที่แล้ว (ตอนที่ทรัมป์ชนะเลือกตั้งสมัยแรก) ในปี 2016 คำแถลงแสดงความยินดีกับทรัมป์คราวล่าสุดนี้ของผู้นำจีน ได้งดเว้นไม่มีการแสดงความดีใจอะไรออกมาเลย” เป็นคำพูดของ หัว เตี้ยนหลง (Hua Dianlong) คอลัมนิสต์ผู้หนึ่งที่ตั้งฐานอยู่ในมณฑลหูเป่ย ในข้อเขียน [4] ซึ่งนำออกเผยแพร่วันที่ 7 พฤศจิกายน
หัว กล่าวต่อไปว่า เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า “จีนไม่ได้มองโลกในแง่ดีแต่อย่างใดสำหรับการพัฒนาไปอย่างต่อเนื่องของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ การเปลี่ยนแปลงถ้อยคำเช่นนี้คือการแสดงให้เห็นถึงความเป็นจริงที่ดำรงอยู่ในเวลานี้”
“ก่อนที่ทรัมป์จะชนะการเลือกตั้งปี 2016 จีนกับสหรัฐฯได้รักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเอาไว้” หัว บอก แต่มาถึงเวลานี้ จากการที่ทรัมป์ได้รับเลือกตั้งอีกสมัยหนึ่งในปี 2024 “ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯได้มาถึงจุดที่อยู่ต่ำเตี้ยที่สุดในประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งทีเดียว เราอยู่ในภาวะระแวดระวังตัวกันมากในการเผชิญกับการขึ้นครองอำนาจอีกครั้งหนึ่งในเร็ววันนี้ของทรัมป์”
เขาแสดงความคิดเห็นต่อไปว่า สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯจะมีความดุเดือดเข้มข้นมากขึ้น และการที่สหรัฐฯจะต้องใช้ความพยายามอย่างต่อเนื่องไปอีกเพื่อจำกัดปิดล้อมจีน ก็ดูจะเป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
กระนั้น หัว ก็คล้ายๆ กับคอมเมนเตเตอร์คนอื่นๆ บางราย เขาคิดว่าในภาวะเช่นนี้มีความเป็นไปได้ที่จะมองเห็นรังสีแสงสว่างแห่งความหวัง เขาชี้ว่า ประเด็นไต้หวัน อาจจะกลายเป็นหัวข้อสำหรับให้ปักกิ่งและวอชิงตันใช้มาผ่าทางตันของความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากทรัมป์มีความคิดจิตใจที่แตกต่างออกไปจากคณะบริหารไบเดน-แฮร์ริส
ทางด้าน เหลียง สิว์น (Liang Xun) นักเขียนซึ่งตั้งฐานอยู่ที่มณฑลเหอหนาน ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่กำลังมองหาจุดสว่างสดใสเช่นเดียวกัน โดยเธอกล่าวในข้อเขียน [5] ชิ้นหนึ่งว่า คำแสดงความยินดีกับทรัมป์ของผู้นำจีนครั้งนี้ สามารถสรุปย่อได้ด้วยคำภาษาจีนเพียงคำเดียว นั่นคือ การร่วมมือกัน
“ในยุคทรัมป์ 2.0 สหรัฐฯจะไม่เปลี่ยนแปลงจุดยืนโดยองค์รวมของพวกเขาที่มุ่งกำราบกดหัวจีน และอาจจะกระทั่งเพิ่มความเข้มแข็งในการแข่งขันและการประจันหน้ามุ่งเล่นงานจีนของพวกเขาเสียด้วยซ้ำ รวมทั้งนำเอาความท้าทายและแรงบีบคั้นจำนวนหนึ่งมาสู่เศรษฐกิจจีน” เธอกล่าว
“แต่ทรัมป์อาจจะต้องหาทางให้ได้ความสนับสนุนทางการทูตจากจีน เพื่อเติมเต็มทำตามคำมั่นสัญญาของเขาในเรื่องการยุติสงครามยูเครน” เธอพูดต่อ “ในส่วนของคำถามว่าด้วยไต้หวัน ทรัมป์อาจจะหันไปใช้จุดยืนที่ค่อนข้างคำนึงถึงผลในทางปฏิบัติ และหลีกเลี่ยงการปฏิบัติการอย่างรุนแรงฉับพลันใดๆ เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ในช่องแคบไต้หวันบานปลายขยายตัว”
เธอกล่าวว่า เธอมีข้อสรุปเช่นนี้ จากการที่ทรัมป์รบเร้าครั้งแล้วครั้งเล่าให้ไต้หวันต้องจ่าย “ค่าธรรมเนียมสำหรับการปกป้องคุ้มครอง” ที่ได้รับจากสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ตอนที่ทรัมป์ให้สัมภาษณ์สื่อ บลูมเบิร์ก บิสซิเนสวีก (Bloomberg Businessweek) เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เขากล่าว [6] ว่า “ไต้หวันควรต้องจ่ายเงินให้เรานะสำหรับเรื่องการคุ้มครองป้องกัน คุณรู้ไหม เราก็ไม่ได้แตกต่างจากการเป็นบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่งเลย แต่กลับไม่ได้ให้อะไรแก่เรา”
ทรัมป์ยังกล่าวหา [7] ไต้หวันว่า กำลังยึดแย่งภาคอุตสาหกรรมชิปไปจากสหรัฐฯ “แทบจะทั้ง 100%” ถึงแม้มีผู้เชี่ยวชาญด้านชิปบางรายออกมาตอบโต้ในเรื่องนี้ว่า อันที่จริงไต้หวันก็ได้จ่ายในราคาสูงลิ่วทีเดียวให้กับความพยายามในการพัฒนาอุตสาหกรรมชิปของพวกเขา
ค่าธรรมเนียมในการพิทักษ์คุ้มครอง
เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทรัมป์ได้บอกกับสื่อวอลล์สตรีทเจอร์นัล (Wall Street Journal) ว่า ถ้าจีนบุกเข้าไปในไต้หวัน สหรัฐฯก็จะขึ้นภาษีศุลกากรเอากับสินค้าจีนในอัตรา 150 ถึง 200%
จู เฟิ่งเหลียน (Zhu Fenglian) โฆษกของสำนักงานกิจการไต้หวัน (Taiwan Affairs Office หรือ TAO) ของจีน ได้ออกมาแถลงในวันที่ 30 ตุลาคมว่า สหรัฐฯย่อมจะมุ่งหาทางดำเนินการต่างๆ โดยคำนึงถึง “อเมริกาเป็นอันดับแรก” (America first)และดังนั้นไต้หวันจึงอาจถูกเปลี่ยนสถานะจากการเป็นเบี้ยตัวหนึ่งของสหรัฐฯ กลายเป็นผู้ที่ถูกสหรัฐฯทอดทิ้งไปเมื่อใดก็ได้
ขณะที่คอมเมนเตเตอร์ชาวจีนบางรายมองว่า จีนจะได้ประโยชน์จากนโยบายไต้หวันของทรัมป์เสียด้วยซ้ำ
เหยียน โม่ (Yan Mo) คอลัมนิสต์ผู้หนึ่งของเว็บไซต์ข่าวภาษาจีน Guancha.cn เขียนเอาไว้ในข้อเขียน [8] ชิ้นหนึ่งว่า สหรัฐฯสามารถที่จะเรียกเก็บ “ค่าธรรมเนียมในการพิทักษ์คุ้มครอง” จากไต้หวัน โดยอาจจะอยู่ในรูปของการบังคับให้เกาะแห่งนี้ต้องซื้อหาอาวุธจากอเมริกาเพิ่มมากขึ้น หรือด้วยการใช้ภาษีศุลกากรมาบังคับให้พวกผู้ผลิตชิปของไต้หวันต้องลงทุนเพิ่มมากขึ้นในสหรัฐฯ หรือย้ายฐานที่ตั้งไปยังสหรัฐฯ
“ในระยะไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไบเดนประสบความสำเร็จในการโน้มน้าวบริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริ่ง คอมพานี (Taiwan Semiconductor Manufacturing Co หรือ TSMC บริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของไต้หวัน) ให้ไปสร้างโรงงานทำชิปขึ้นที่รัฐแอริโซนา ของสหรัฐฯ ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 65,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ” เหยียน บอก
“แต่การลงทุนเช่นนี้ยังไม่เพียงพอที่จะตอบสนองความหิวกระหายของทรัมป์ได้หรอก เพราะสิ่งที่เขาต้องการคือห่วงโซ่อุปทานด้านอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดทั้งสิ้นของไต้หวัน”
“หลังจากทรัมป์สูบเอาพลังทางอุตสาหกรรมทั้งหมดออกไปจากเกาะแห่งนี้แล้ว มันก็จะถึงเวลาสำหรับจีนแผ่นดินใหญ่ที่จะเคลื่อนไหวเดินหมากของตัวเอง –นั่นคือการบีบบังคับให้ไต้หวันต้องมาพูดจาเรื่องการกลับมารวมเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับจีนแผ่นดินใหญ่” เหยียน กล่าว
เขามองว่า ทรัมป์จะหลีกเลี่ยงการขายอาวุธใหแก่ไต้หวันเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเขาทราบดีว่าเรื่องนี้จะเป็นชนวนทำให้ปักกิ่งบุกโจมตีเกาะแห่งนี้ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่จะทำให้สหรัฐฯต้องเสียเงินเสียทองเพิ่มขึ้นมากมาย เขาจึงมีข้อสรุปว่ายุคทรัมป์ 2.0 อาจจะเป็นโอกาสสำหรับจีนในการจัดการคลี่คลายเรื่องไต้หวัน
แน่นอนอยู่แล้วว่า ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่เห็นพ้องกับคำทำนายนี้ของ เหยียน
คนหนึ่งก็คือ นายกรัฐมนตรี จั๋ว หรงไท่ ของไต้หวัน ซึ่งออกมาแถลงว่า ไต้หวันมีความปรารถนาที่จะแบกรับความรับผิดชอบด้านการป้องกันให้มากขึ้น และจะพิทักษ์ปกป้องตนเอง
หย่ง เจี้ยน เป็นผู้ร่วมเขียนรายงานข่าวส่งให้แก่เอเชียไทมส์ เขาเป็นนักหนังสือพิมพ์ชาวจีนที่ชำนาญเป็นพิเศษในเรื่องเทคโนโลยี, เศรษฐกิจ, และการเมืองของจีน
เชิงอรรถ
[1]https://www.fmprc.gov.cn/fyrbt_673021/jzhsl_673025/202411/t20241108_11523548.shtml
[2]https://www.fmprc.gov.cn/fyrbt_673021/jzhsl_673025/202411/t20241107_11522924.shtml
[3]https://english.news.cn/20241107/831f180c06c7418e8476134e78233b0a/c.html
[4]https://baijiahao.baidu.com/s?id=1815059022626383849&wfr=spider&for=pc
[5]https://www.163.com/dy/article/JGDJ2V3U05564203.html
[6] https://apnews.com/article/trump-taiwan-chips-invasion-china-910e7a94b19248fc75e5d1ab6b0a34d8
[7] https://edition.cnn.com/2024/07/23/tech/trump-taiwan-tsmc-chips-industry-hnk-intl/index.html
[8]https://baijiahao.baidu.com/s?id=1815148458572233127&wfr=spider&for=pc