ประธานาธิบดี ยุน ซุกยอล แห่งเกาหลีใต้เริ่มกลับมาฝึก “ตีกอล์ฟ” เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี เพื่อเตรียมตัวออกรอบระหว่างการพบปะกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในอนาคตอันใกล้นี้ ตามคำยืนยันจากทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้
สื่อโสมขาวรายงานว่า ประธานาธิบดี ยุน เดินทางไปที่สนามกอล์ฟแห่งหนึ่งเมื่อวันเสาร์ (9 พ.ย.) เพื่อฝึกซ้อมวงสวิง หลังจากที่ว่างเว้นจากกีฬาชนิดนี้มาตั้งแต่ปี 2016
“บุคคลใกล้ชิดประธานาธิบดี ทรัมป์ หลายคน (บอกผม) ว่า ประธานาธิบดี ยุน กับ ทรัมป์ น่าจะเคมีเข้ากัน” ยุน ระบุในงานแถลงข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่ได้โทรศัพท์ไปแสดงความยินดีกับ ทรัมป์ เนื่องในโอกาสชนะศึกเลือกตั้ง
เขายังบอกด้วยว่า อดีตเจ้าหน้าที่ในรัฐบาล ทรัมป์ ชุดที่แล้วและแกนนำรีพับลิกันหลายคนเสนอตัวที่จะช่วยสานสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่
นักวิเคราะห์เชื่อว่า ยุน จะพยายามหาวิธีตีสนิทกับ ทรัมป์ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของเกาหลีใต้เอาไว้ ท่ามกลางกระแสวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศแบบ America First และสไตล์การบริหารของ ทรัมป์ ที่คาดเดาได้ยาก
บริษัทในเกาหลีใต้พึ่งพาการค้ากับสหรัฐฯ อย่างมาก และในช่วงรัฐบาลทรัมป์หนึ่ง ทั้งสองชาติก็เคยมีปัญหาขัดแย้งในเรื่องการแชร์เงินอุดหนุนทหารอเมริกัน 28,500 นายที่ผลัดเปลี่ยนประจำการในแดนโสมมาตั้งแต่ช่วงหลังสงครามเกาหลีปี 1950-53
เจ้าหน้าที่โซลกำลังเตรียมพร้อมรับมือความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นหลัง ทรัมป์ กลับมาเป็นผู้นำสหรัฐฯ ในปีหน้า ขณะที่ ยุน เองก็ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่รัฐและภาคอุตสาหกรรมเมื่อวันอาทิตย์ (10) เพื่อหาวิธีรับมือด้วย
รามอน ปาเชโก ปาร์โด ผู้เชี่ยวชาญกิจการเกาหลีจากมหาวิทยาลัย King’s College London ให้ความเห็นว่า บุคลิกของ ยุน และ ทรัมป์ บวกกับแนวทางต่อกิจการภายนอกที่ค่อนข้างคล้ายกันน่าจะช่วยให้ผู้นำทั้งสอง “เข้าขา” กันได้ไม่ยาก
“ผมคิดว่าประธานาธิบดี ยุน เองก็เป็นที่ชื่นชอบในหมู่ผู้กำหนดนโยบายของสหรัฐฯ ด้วย ซึ่งน่าจะมีส่วนช่วยเขาได้มาก” เขากล่าว
บรูซ คลิงเนอร์ จากมูลนิธิ Heritage Foundation ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เห็นด้วยว่าทั้งสองน่าจะกลายเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้นต่อกันได้ แต่ก็เตือนว่าความสัมพันธ์นี้อาจไม่พอที่จะช่วยให้เกาหลีใต้รอดพ้นจากผลกระทบเชิงลบที่จะเกิดขึ้น
“ในขณะที่ผู้นำหลายๆ คนคงจะพยายามเลียนแบบสร้างมิตรภาพกับ ทรัมป์ เหมือนที่อดีตนายกฯ ชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่นเคยทำไว้ แต่ก็ไม่เคยมีหลักฐานว่า ความสัมพันธ์ส่วนตัวเหล่านี้ให้ผลที่เป็นรูปธรรมชัดเจนใดๆ กับญี่ปุ่น” คลิงเนอร์ ซึ่งเป็นอดีตนักวิเคราะห์ของสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA) ระบุ พร้อมเสริมว่าตอนนั้นสหรัฐฯ ก็เรียกร้องให้ญี่ปุ่นจ่ายเงินอุดหนุนกองทัพอเมริกันเพิ่มขึ้นไม่ต่างจากเกาหลีใต้
ที่มา : รอยเตอร์