กองกำลังนาโตคงลงสู่สมรภูมิในยูเครน สู้รบกับรัสเซียไปแล้ว ถ้าหากว่ามอสโกไม่มีคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์ จากคำกล่าวอ้างของพลเรือเอกร็อบ บาวออร์ ประธานคณะกรรมาธิการทหารของพันธมิตรทหารที่นำโดยสหรัฐฯ กลุ่มนี้
ระหว่างร่วมประชุมซัมมิตกลาโหม ในสาธารณรัฐเช็ก เมื่อวันอาทิตย์ (10 พ.ย.) ที่ผ่านมา บาวเออร์ ย้อนนึกถึงประสบการณ์ของนาโตในอดีตที่ผ่านมา ในการเข้าร่วมวงความขัดแย้งทั้งในอัฟกานิสถานและอิรัก อย่างไรก็ตาม เขาเน้นว่าการสู้รบกับรัสเซียในยูเครน จะต่างจากการรบในอัฟกานิสถาน เพราะว่าพวกนักรบตอลิบานไม่ได้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์
"ผมมั่นใจอย่างยิ่งว่าถ้ารัสเซียไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ เราจะเข้าไปอยู่ในยูเครน และเตะโด่งพวกเขาออกมา" บาวเออร์อวดอ้าง
แนวโน้มการส่งทหารนาโตเข้าประจำการในสมรภูมิรบในยูเครน เป็นประเด็นถกเถียงกันในตะวันตกมาตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนลุกลามบานปลายขึ้นในช่วงต้นปี 2022 แม้ไม่มีประเทศใดแสดงจุดยืนสนับสนุนอย่างโต้งๆ ต่อแนวคิดนี้ ด้วยความหวั่นกลัวว่ามันอาจนำมาซึ่งการเผชิญหน้าโดยตรงระหว่างนาโตกับรัสเซีย แต่ผู้นำบางส่วน ในนั้นรวมถึงประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส บ่งชี้ว่าไม่อาจตัดทางเลือกนี้ไปได้โดยสิ้นเชิง
เมื่อเดือนที่แล้ว กาบรีเอลีอุส ลันด์ซเบร์กิส รัฐมนตรีต่างประเทศลิทัวเนีย ระบุในถ้อยแถลงที่ส่งถึงเว็บไซต์ข่าวสหรัฐฯ "โพลิติโก" เรียกร้องให้ บรัสเซลส์ รื้อฟื้นการพูดคุยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการ "ส่งกำลังพลของยุโรปเข้าไปยังสมรภูมิในยูเครน" โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามหลังมีคำกล่าวอ้างเกี่ยวกับการเข้ามาพัวพันของทหารเกาหลีเหนือ ยืนหยัดอยู่ฝั่งรัสเซีย ในการทำสงครามกับยูเครน
มอสโกส่งเสียงเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกี่ยวกับการประจำการกองกำลังตะวันตกในยูเครน โดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เน้นย้ำว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจนำไปสู่ "ความขัดแย้งรุนแรงในยุโรปและความขัดแย้งระดับโลก"
ขณะเดียวกัน รัสเซียยังปรับแก้หลักการนิวเคลียร์ของประเทศ โดย ปูติน ระบุว่ามอสโกควรมีสิทธิพิจารณาทางเลือกใช้อาวุธนิวเคลียร์ หากว่าถูกโจมตีโดยประเทศหนึ่งๆ ที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ แต่ได้รับการสนับสนุนจากชาติที่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง ทั้งนี้ ปูติน บอกว่าการโจมตีลักษณะดังกล่าว จะถูกมองว่าเป็นการโจมตีร่วม และรัสเซียจะตอบโต้เอาคืน
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)