รัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เตรียมจัดส่งขีปนาวุธสกัดกั้นกว่า 500 ลูกให้ยูเครนภายในอีกไม่กี่สัปดาห์นับจากนี้ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการรีบเร่งส่งความช่วยเหลือให้ถึงมือเคียฟ ก่อนที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะกลับเข้าครองทำเนียบขาวในปีหน้า
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) รายงานเมื่อวันเสาร์ (9 พ.ย.) โดยอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่ระบุว่า ก่อนหน้าที่ ทรัมป์ จะเอาชนะ กมลา แฮร์ริส ในศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 พ.ย. รัฐบาล ไบเดน ได้ตั้งกรอบเวลาจัดส่งความช่วยเหลือที่อนุมัติแก่ยูเครนให้แล้วเสร็จภายในเดือน เม.ย. ปี 2025
การจัดส่งขีปนาวุธสกัดกั้นสำหรับใช้งานร่วมกับระบบแพทริออต (Patriot) และระบบขีปนาวุธยิงจากพื้นดินสู่อากาศขั้นสูงแห่งชาติหรือ NASAMS จะต้องให้เพียงพอต่อความจำเป็นในการป้องกันตนเองของยูเครนจนถึงสิ้นปีนี้ ตามข้อมูลจาก WSJ
ด้านสำนักงานของประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี กระทรวงกลาโหมยูเครน และกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังไม่ออกมาตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวรอยเตอร์
เซเลนสกี เรียกร้องมานานหลายเดือนให้ชาติตะวันตกเพิ่มการจัดส่งอาวุธ และยังขอให้กลุ่มชาติในองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ช่วยเปิดทางให้เคียฟเอาอาวุธพิสัยไกลที่ได้จากตะวันตกไปใช้ยิงโจมตีเป้าหมายที่อยู่ลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย
สงครามยูเครนที่ลากยาวมานานกว่า 2 ปีครึ่งกลายเป็นชนวนการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ที่สุดระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตกในยุคหลังสงครามเย็น ซึ่งเจ้าหน้าที่รัสเซียเองก็ยอมรับว่า สงครามกำลังก้าวเข้าสู่ "เฟสที่อันตรายที่สุด"
วันศุกร์ที่แล้ว (8) รัฐบาล ไบเดน ประกาศจะอนุญาตให้บริษัทคู่สัญญากลาโหมของสหรัฐฯ เข้าไปทำงานในยูเครน เพื่อซ่อมบำรุงระบบอาวุธที่เพนตากอนส่งไปให้ นับเป็นการปรับนโยบายครั้งสำคัญที่มุ่งช่วยเหลือให้เคียฟมีศักยภาพเพียงพอที่จะต่อต้านการบุกของรัสเซีย
ที่มา : รอยเตอร์