หน่วยยามฝั่งไต้หวันประกาศแจกเงินรางวัลสูงสุดกว่า 2 แสนบาท สำหรับผู้ที่แจ้งเบาะแสกิจกรรมทางทะเลของจีน ซึ่งรวมถึงเรือรบหรือเรือดำน้ำ โดยระบุว่านี่เป็นการดึง “พลังประชาชน” เข้ามาช่วยเสริมกำลังพลของยามฝั่งซึ่งมีอยู่อย่างจำกัด
ไต้หวันโอดครวญตลอด 5 ปีที่ผ่านมาว่าถูกรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ยกระดับกิจกรรมทางทหารข่มขู่มากขึ้น ซึ่งทำให้ยามฝั่งไต้หวันจำเป็นต้องปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนทางทะเลบ่อยขึ้นด้วย
ขณะเดียวกัน หน่วยยามฝั่งจีนก็เข้ามามีบทบาทในภารกิจทางทหารมากขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ไต้หวันเรียกว่าเป็น “ยุทธศาสตร์พื้นที่สีเทา” ซึ่งยังไม่ถึงขั้นเปิดสงคราม แต่มุ่งบังคับใช้สิ่งที่จีนเรียกว่าเป็น “สิทธิ” ในการจัดการและควบคุมพื้นที่ช่องแคบไต้หวัน
“ยามฝั่งมีทรัพยากรบุคคลที่จำกัด แต่พลังของประชาชนนั้นไม่จำกัด” หน่วยยามฝั่งไต้หวันระบุในถ้อยแถลงวันนี้ (8 พ.ย.)
“เพื่อสร้างเครือข่ายการแจ้งเตือนที่หนาแน่นรัดกุมตลอดแนวชายฝั่ง และเพื่อป้องกันการโจมตีในพื้นที่สีเทา หน่วยยามฝั่งขอความร่วมมือจากชาวไต้หวันให้เพิ่มความตระหนักรู้เกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยทางทะเล และขอให้ช่วยกันเฝ้าระวังกิจกรรมที่ผิดปกติ”
เงินรางวัลสูงสุด 200,000 ดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 212,000 บาท) จะมอบให้แก่ผู้ที่แจ้งเบาะแสกิจกรรมโจรสลัด ฆาตกรรม วางเพลิง หรือจับตัวประกัน ส่วนผู้ที่แจ้งเบาะแสพลเมืองจีนลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายจะได้รับเงินรางวัล 50,000 ดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 53,000 บาท)
สำหรับผู้ที่แจ้งเบาะแส “อันมีหลักฐานน่าเชื่อถือ” เกี่ยวกับการรุกล้ำน่านน้ำไต้หวันของเรือรบและเรือดำน้ำจีน จะได้รับเงินรางวัล 3,000 ดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 3,180 บาท) ต่อกรณี
ที่ผ่านมา หน่วยยามฝั่งไต้หวันเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความล้มเหลวในการตรวจจับพลเมืองจีนซึ่งลักลอบข้ามทะเลมายังเกาะไต้หวัน โดยคนเหล่านี้ส่วนใหญ่ใช้เรือเล็กเป็นพาหนะซึ่งยากแก่การใช้เรดาร์ตรวจจับ
เมื่อเดือน มิ.ย. เรือประมงไต้หวันที่ล่องอยู่ในช่องแคบก็สามารถถ่ายภาพเรือดำน้ำจีนที่โผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมา
รัฐบาลไต้หวันทุ่มเทงบประมาณจำนวนมากให้กับกิจการของยามฝั่ง รวมถึงการจัดซื้อเรือลาดตระเวนที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและติดตั้งเทคโนโลยีทันสมัยมากขึ้น โดยบางลำนั้นสามารถประจำการขีปนาวุธในกรณีที่เกิดสงครามได้ด้วย
ที่มา : รอยเตอร์