ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในวันพฤหัสบดี (7 พ.ย.) แสดงความยินดีกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ต่อชัยชนะในศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ ยกย่องเขาว่าแสดงออกถึงความกล้าหาญครั้งที่ถูกมือปืนรายหนึ่งพยายามลอบสังหาร และบอกว่ามอสโกพร้อมเจรจากับว่าที่ประธานาธิบดีจากรีพับลิกันรายนี้
ในการแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ทรัมป์ได้รับชัยชนะ ปูตินกล่าวว่า ทรัมป์แสดงตัวลูกผู้ชายตัวจริง ระหว่างถูกลอบสังหาร ขณะกำลังปราศรัยหาเสียงในเพนซิลเวเนียเมื่อเดือนกรกฎาคม "ในความเห็นของผม เขาวางตัวในทิศทางที่ถูกต้องมากๆ มีความกล้าหาญ อย่างลูกผู้ชายตัวจริง" ผู้นำรัสเซียกล่าว ณ สมาคมวัลได ในเมืองโซชิ ดินแดนตากอากาศริมทะเลดำของรัสเซีย "ผมขอใช้โอกาสนี้แสดงความยินดีกับเขา ต่อชัยชนะของเขาในศึกเลือกตั้ง"
นอกจากนี้ ปูตินยังบอกว่าคำพูดต่างๆ ของทรัมป์ ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งเกี่ยวกับยูเครนและการฟื้นตัวความสัมพันธ์กับรัสเซีย ควรได้รับความสนใจ "สิ่งที่เขาพูดเกี่ยวกับความปรารถนาฟื้นฟูความสัมพันธ์กับรัสเซีย นำมาซึ่งจุดจบของวิกฤตยูเครน ในความคิดเห็นของผม อย่างน้อยๆ สิ่งนี้ควรได้รับความสนใจ" ผู้นำรัสเซียระบุ
ทรัมป์ กล่าวระหว่างหาเสียงว่าเขาจะนำสันติภาพมาสู่ยูเครนภายใน 24 ชั่วโมง หากได้รับเลือกตั้ง แต่ให้รายละเอียดเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับแนวทางที่เขาจะหาทางนำมาซึ่งจุดจบของสงครามภาคพื้นครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรป นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
ในเรื่องนี้ผู้นำวัย 72 ปีของวังเครมลิน แสดงความคิดเห็นอย่างระมัดระวัง "จนถึงตอนนี้ ผมไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมเดาไม่ถูกเลย"
เมื่อถูกถามว่าเขาจะทำตามหรือไม่ หากว่าทรัมป์เรียกร้องขอให้มีการประชุมหารือ ปูตินกล่าวว่าเขาพร้อมสำหรับกลับมาติดต่อกันอีกครั้ง หากว่ารัฐบาลทรัมป์ต้องการเช่นนั้น และเขาพร้อมสำหรับการพูดคุยกับทรัมป์
รัสเซียกับทรัมป์ ปฏิเสธซ้ำๆ ว่า "ไร้สาระ" ต่อคำกล่าวอ้างของสื่อมวลชนตะวันตกบางส่วน ที่กล่าวหาว่า ทรัมป์ เป็นรูปแบบหนึ่งของกรณีที่รัสเซียใช้อิทธิพลแทรกแซงศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ ส่วนพวกเจ้าหน้าที่มอสโกชี้ว่าครั้งที่ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งสมัยแรก ระหว่างปี 2017 ถึง 2021 ทั้ง 2 ฝ่ายมีความสัมพันธ์ที่หนักหนาสาหัสด้วยซ้ำ
โรเบิร์ต มุลเลอร์ ที่ปรึกษาพิเศษแห่งกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ลงมือสืบสวนคำกล่าวหาทีมหาเสียงของทรัมป์สมคบคิดกับรัสเซีย ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2016 แต่ในรายงานปี 2019 เขาไม่พบหลักฐานของการสมคบคิดใดๆ
มอสโกปฏิเสธซ้ำๆ เช่นกันเกี่ยวกับคำกล่าวหาของสหรัฐฯ ว่ารัสเซียแทรกแซงศึกเลือกตั้งปี 2024 และศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอื่นๆ รวมถึงเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนในความพยายามหว่านเมล็ดพืชแห่งความยุ่งเหยิง
สงครามอายุ 2 ปีครึ่งในยูเครน กำลังเข้าสู่ในสิ่งที่พวกเจ้าหน้าที่รัสเซียและตะวันตกบางส่วน เชื่อว่าอาจเป็นขั้นสุดท้าย "ที่อันตรายที่สุด" หลังจากกองกำลังมอสโกรุกคืบในอัตราที่รวดเร็วที่สุด นับตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ต้นๆ ของความขัดแย้ง และตะวันตกกำลังไตร่ตรองขบคิดว่าสงครามจะจบลงอย่างไร
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ปูติน วางกรอบเงื่อนไขสำหรับยุติสงคราม นั่นคือยูเครนจะต้องละทิ้งความทะเยอทะยานเข้าเป็นสมาชิกนาโต และถอนทหารทั้งหมดออกจากแคว้นทั้ง 4 ที่รัสเซียกล่าวอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน
ปัจจุบัน รัสเซียควบคุมแคว้นไครเมีย ที่พวกเขายึดจากยูเครนผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนในปี 2014 และราว 80% ของภูมิภาคดอนบาส ที่ประกอบด้วยแคว้นโดเนตส์กกับแคว้นลูฮันส์ก และมากกว่า 70% ของแคว้นซาโปริซเซีย และแคว้นเคียร์ซอน
ระหว่างพูดยืดยาวหลายชั่วโมงในวันพฤหัสบดี (7 พ.ย.) ปูติน แสดงจุดยืนคัดค้านนโยบายต่างๆ ของพวกผู้นำตะวันตก ที่เขากล่าวหาว่ากำลังนำพาโลกไปสู่ "เขตแดนที่อันตราย" ด้วยการพยายามหาทางให้รัสเซียประสบความพ่ายแพ้เชิงกลยุทธ์ในสงครามยูเครน
"มันไร้ประโยชน์ที่ถาโถมแรงกดดันเข้าใส่เรา แต่เราพร้อมเสมอสำหรับการเจรจา ด้วยการคำนึงถึงอย่างเต็มที่ต่อผลประโยชน์ที่ชอบธรรมตามกฎหมายร่วมกัน" ปูตินกล่าว
ปูติน บอกต่อว่าตะวันตกไม่เคยยอมรับรัสเซีย ในฐานะคู่หูที่เท่าเทียมนับตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพยุโรปในปี 1991 และปฏิบัติกับพวกเขาในฐานะมหาอำนาจผู้พ่ายแพ้ ในนั้นรวมถึงการที่นาโตที่นำโดยสหรัฐฯ ขยายขอบเขตอิทธิพลมาทางทิศตะวันออกมุ่งสู่รัสเซีย
ทั้งนี้ ปูติน กล่าวว่า รัสเซียพร้อมฟื้นฟูความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ แต่บอกว่าเรื่องนี้อยู่ที่การตัดสินใจของวอชิงตัน พร้อมกันนั้นผู้นำวังเครมลินยังเน้นย้ำปิดท้ายด้วยว่า จีน คือพันธมิตรของรัสเซีย
(ที่มา : รอยเตอร์)