ราคาน้ำมันขยับขึ้นเกือบ 1% ในวันพฤหัสบดี (7 พ.ย.) ตลาดทบทวนนโยบายต่างๆ ของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลกระทบอย่างไรต่ออุปทาน ส่วนวอลล์สตรีทปิดผสมผสานและทองคำบวก หลังเฟดแถลงปรับลดดอกเบี้ยอีก 0.25%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 67 เซนต์ ปิดที่ 72.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 71 เซนต์ ปิดที่ 75.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตลาดน้ำมันปรับขึ้นต่อเนื่อง ได้แรงหนุนจากความคาดหมายว่า รัฐบาลของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจกระชับมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานอิหร่านและเวเนซุเอลา จากความเห็นของแอนดี ลิโพว์ ประธานบริษัทลิโพว์ ออย แอสโซซิเคท พร้อมระบุความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจทำให้ตลาดประสบภาวะอุปทานตึงตัว
ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมผสานในวันพฤหัสบดี (7 พ.ย.) หลังธนาคารกลางอเมริกา (เฟด) แถลงปรับลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ซึ่งทำให้วอลล์สตรีทดีดขึ้นต่อเนื่องจาก 1 วันก่อนหน้านี้ ที่ได้แรงหนุนจากการที่ โดนัลด์ ทรัมป์ หวนคืนสู่เก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ดาวโจนส์ ลดลง 0.59 จุด (0.00 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 43,729.34 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 44.06 จุด (0.74 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,973.10 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 286.00 จุด (1.51 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 19,269.46 จุด
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติเอกฉันท์ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ตามการคาดการณ์ของตลาด
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยหนนี้นับเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ หลังจากที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.75-5.00% เมื่อเดือนกันยายน ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี
ถ้อยแถลงหลังการประชุมของเฟดระบุว่า เงินเฟ้อมีความคืบหน้าในการปรับตัวไปสู่เป้าหมาย 2% ของเฟด โดยเศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ตลาดแรงงานชะลอตัวลง
ขณะเดียวกัน วอลล์สตรีทยังได้แรงหนุนต่อเนื่อง จากการคาดการณ์ที่ว่า ทรัมป์ จะปรับลดดอกเบี้ยนิติบุคคลและผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ ที่กระตุ้นให้ดัชนีทั้ง 3 พุ่งแรงหนึ่งวันก่อนหน้านี้
ด้านราคาทองคำดีดตัวขึ้นกว่า 1% ในวันพฤหัสบดี (7 พ.ย.) ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และความเคลื่อนไหวรับลดดอกเบี้ยของเฟดที่เป็นไปตามความคาดหมาย โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 37.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,713.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)