เอเจนซีส์ - นายกรัฐมนตรี โอลาฟ ชอลซ์ สั่งปลดรัฐมนตรีคลังเยอรมนี คริสเตียน ลินด์เนอร์ (Christian Lindner) ออกฟ้าผ่าวันพุธ (6 พ.ย.) ทำให้รัฐบาลผสมเยอรมนีภายใต้การนำพรรคโซเชียลเดโมแครตอายุ 3 ปีล้มทันที
CNN ของสหรัฐฯ รายงานวานนี้ (6 พ.ย.) ว่า นายกรัฐมนตรีเยอรมนี โอลาฟ ชอลซ์ กล่าวผ่านแถลงการณ์ทางโทรทัศน์ว่า เขาได้สั่งปลดรัฐมนตรีคลังเยอรมัน คริสเตียน ลินด์เนอร์ (Christian Lindner) โดยกล่าวว่า “มันเป็นความจำเป็นเพื่อป้องกันอันตรายต่อประเทศของพวกเรา”
คำสั่งปลดฟ้าผ่าวันพุธ (6) เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังการเจรจาทางการเมืองระหว่างแกนนำคนสำคัญต่างๆ ของรัฐบาลผสมไฟจราจรเยอรมนี ชอลซ์จากพรรคโซเชียลเดโมแครต (SPD) (Social Democratic Party) ลินด์เนอร์จากพรรคเสรีประชาธิปไตยเยอรมนี FDP (Free Democratic Party) และโรเบิร์ต ฮาเบค (Robert Habeck) จากพรรคกรีน (Green Party)
หลังการประกาศที่ออกมาท่ามกลางความวิตกต่อรัฐบาลสหรัฐฯ ของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งสหรัฐฯ สามารถสร้างข่าวร้ายต่อเศรษฐกิจเมืองเบียร์ที่กำลังป่วยอยู่ก่อนหน้าแล้ว ซึ่งพรรค FDP ของอดีตรัฐมนตรีคลังเยอรมนีกล่าวว่า พรรคได้ถอนตัวออกจากความเป็นพรรคร่วมแต่ทว่าฮาเบคยืนยันว่า พรรคกรีนจะยังคงอยู่ร่วมต่อไป
ชอลซ์แถลงว่า เขาจะเรียกประชุมโหวตลงมติไว้วางใจในวันที่ 15 ม.ค ปีหน้าเพื่อที่จะทำให้สามารถจัดการเลือกตั้งได้สิ้นเดือนมีนาคมปี 2025
และสำหรับตัวนายกรัฐมนตรีโอลฟ ชอล์ซ เขาประกาศว่าจะยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนกระทั่งวันที่ 15 มกราคมปีหน้า และจะพยายามทำให้กฎหมายสำคัญเสร็จสิ้น โดยชี้ว่าเขาจะหารือกับผู้นำฝ่ายค้านเยอรมนี เฟรดริช เมิร์ซ (Friedrich Merz) จากพรรคคริสเตียนเดโมแครต CDU (Christian Democratic Union) ของอดีตนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล เพื่อให้ผ่านกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและการป้องกันประเทศ
เขากล่าวว่า “เศรษฐกิจไม่สามารถรอจนกระทั่งเลือกตั้ง”
CNN ของสหรัฐฯ รายงานว่า รัฐบาลผสมของนายกฯ ชอล์ซล้มลงในวันพุธ (6) เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่า “วิกฤตไฟจราจร” ที่อ้างไปถึงสีของ 3 พรรครัฐบาลผสมที่เกิดมาจากการแข่งขันต่อมุมมองอนาคตทางเศรษฐกิจของเยอรมนี
ซึ่งก่อนหน้าที่ลินด์เนอร์จะถูกสั่งปลดออกจากตำแหน่ง เขาได้ทำให้เกิดวิกฤตทางการเมืองด้วยการเผยแพร่แผนเศรษฐกิจความยาว 18 หน้าภายใต้ชื่อ การพลิกฟื้นเศรษฐกิจเยอรมนี (Germany’s economic turnaround) และสื่อเยอรมนีเรียกแผนเศรษฐกิจนี้ว่า “เอกสารหย่าของรัฐบาลผสมเยอรมนี” เนื่องมาจากเนื้อหาและโทนที่ออกมา
โดยในรายละเอียดของแผนที่เสนอการลดภาษี (tax cuts) ลินด์เนอร์กล่าวว่า “การพลิกฟื้นเศรษฐกิจพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงบางสิ่งของการตัดสินใจสำคัญทางการเมืองมีความจำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายต่อเยอรมนีในฐานะฮับทางธุรกิจ”
นอกเหนือจากการแตกแยกที่เปิดเผยต่อพันธมิตรร่วมรัฐบาลผสมของเขา ซุ่มเสียงแสดงการค่อนแคะยังชี้ว่าเอกสารเสนอแผนการกอบกู้เศรษฐกิจเยอรมนีของอดีตรัฐมนตรีคลังนี้ดูไม่ต่างจากแคมเปญหาเสียง โดยก่อนความคืบหน้าของวันพุธ (6) กำหนดการเลือกตั้งเยอรมนีครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในเดือนกันยายนปีหน้า
สื่อสหรัฐฯ ชี้ว่า เยอรมนีประกาศจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าครั้งสุดท้ายในปี 2005 โดยอดีตนายกรัฐมนตรี เกร์ฮาร์ด ชโรเดอร์ (Gerhard Schroder) ที่ในท้ายที่สุดได้พ่ายต่อ อังเกลา แมร์เคิล ในเวลาต่อมา
ทั้งนี้ นายกฯ ชอลซ์และลินด์เนอร์ได้โจมตีซึ่งกันและการในการแถลงข่าวของตัวเองวันพุธ (6)
ชอลซ์กล่าวต่อนักข่าวว่า “ลินด์เนอร์แสดงถึงความไม่ต้องการที่จะบังคับใช้มาตรการใดๆ ของพวกเรา และดังนั้นแล้วไม่มีความเชื่อมั่นพื้นฐานสำหรับการร่วมมือใดๆ ในอนาคตร่วมกับรัฐมนตรีคลังคนนี้ที่ออกจากตำแหน่ง”
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีเยอรมนียังกล่าวหาอดีตรัฐมนตรีคลังของเขาต่อว่า ไม่ยอมทำเพื่อผลประโยชน์ร่วม แต่ทำเพื่อพรรคตัวเองและผู้มีอุปการคุณของตัวเองเท่านั้น และเขาเปิดเผยว่า คริสเตียน ลินด์เนอร์ จะถูกประธานาธิบดีเยอรมนี ฟรังค์-วัลเทอร์ ชไตน์ไมเออร์ (Frank-Walter Steinmeier) สั่งปลดออกจากตำแหน่ง
ขณะเดียวกัน ในการแถลงข่าวตอบโต้จากลินด์เนอร์ เขาเปิดศึกกล่าวหาว่า ชอลซ์ได้ร้องขอให้เขาหยุดการใช้ “debt brake “ ชั่วคราว
ซึ่ง “debt brake” เป็นมาตรากฎหมายรัฐธรรมนูญเยอรมนีที่ป้องกันไม่ให้รัฐบาลเบอร์ลินจากการกู้ยืมจำนวนมหาศาล และเป็นสิ่งที่ลินด์เนอร์อ้างว่า เขาจะยอมทำเด็ดขาด
ชอลซ์แถลงว่า “หลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ พวกเราจำเป็นต้องแสดงให้เห็นว่า พวกเราสามารถเป็นที่พึ่งได้”
อย่างไรก็ตาม ข่าวการปลดรัฐมนตรีคลังเยอรมนีและรัฐบาลผสมโซเชียลเดโมแครตล้มสร้างความยินดีต่อพรรคขวาจัดเยอรมนี AfD ที่ซึ่งในเดือนกันยายนที่ผ่านมาได้กลายเป็นพรรคการเมืองปีกขวาพรรคแรกที่สามารถชนะเลือกตั้งระดับรัฐได้นับตั้งแต่สิ้นสุดยุคนาซีสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2