รัฐบาลจีนประกาศเคารพผลการเลือกตั้งในสหรัฐฯ พร้อมแสดงความยินดีกับว่าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่คว้าชัยชนะได้กลับเข้าทำเนียบขาวรอบสอง ขณะที่หนังสือพิมพ์ของทางการจีนเรียกร้องให้สหรัฐฯ ใช้แนวทาง “ปฏิบัติได้จริง” (pragmatic) เพื่อแก้ไขความแตกต่างระหว่างกัน หลังจากที่ ทรัมป์ ออกมาขู่ใช้มาตรการรีดภาษีสินค้าจากแดนมังกร
ทรัมป์ ชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พ.ย. โดยกวาดคณะผู้แทนเลือกตั้งได้เกิน 270 เสียง และยังชนะป็อปปูลาร์โหวตเหนือกว่า กมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครตกว่า 5 ล้านเสียง เขาจะมีกำหนดสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ ในเดือน ม.ค. ปีหน้า
สำนักข่าวซินหวารายงานว่า ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้ส่งเทเลแกรมถึง ทรัมป์ ในวันนี้ (7 พ.ย.) เพื่อแสดงความยินดีในโอกาสที่ได้รับเลือกเป็นผู้นำสหรัฐฯ คนต่อไป พร้อมทั้งเรียกร้องให้สหรัฐฯ และจีนหาวิธีจัดการความเห็นต่างอย่างเหมาะสม
ขณะเดียวกัน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ก็ได้มีถ้อยแถลงเมื่อค่ำวันพุธ (6) ว่า “เราเคารพในการเลือกของชาวอเมริกัน และขอแสดงความยินดีกับคุณ ทรัมป์ ในโอกาสที่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี”
ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ อยู่ในภาวะตึงเครียดมานานหลายปีทั้งจากข้อพิพาททางการค้า รวมถึงปัญหาไต้หวันและทะเลจีนใต้
ชัยชนะของ ทรัมป์ คาดว่าจะทำให้ปมร้อนต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในช่วงปี 2017-2021 ถูกรื้อฟื้นกลับมาใหม่ โดย ทรัมป์ นั้นได้จุดชนวนสงครามการค้าระหว่างชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจเบอร์ 1 และ 2 ของโลก และใช้กำแพงภาษีอย่างหนักต่อสินค้าจีน
หนังสือพิมพ์ China Daily ได้ลงบทบรรณาธิการเมื่อวันพุธ (6) โดยกล่าวถึงรัฐบาล ทรัมป์ สมัยที่ 2 ว่า “อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ หากโอกาสที่มีมานี้ไม่ถูกทำให้เสียเปล่า”
รัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน ไม่ได้เข้ามาล้มนโยบายการค้าของทรัมป์ และยังคงพุ่งเป้าเล่นงานการอุดหนุนภาคอุตสาหกรรมของจีนอยู่จนถึงทุกวันนี้
เมื่อเดือน ก.ย. ไบเดน ได้สั่งขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนหลายรายการ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งถูกรีดภาษีสูงถึง 100% แผงโซลาร์เซลล์ 50% และเหล็กกล้า อะลูมิเนียม แบตเตอรี่รถอีวี และแร่ธาตุสำคัญต่างๆ ในอัตรา 25% เพื่อที่จะปกป้องอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์ของอเมริกาเอาไว้
China Daily ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ควรที่จะพูดคุยและสื่อสารกับจีนเพื่อจัดการความเห็นต่าง
อย่างไรก็ตาม การที่ ทรัมป์ ขู่จะรีดภาษีสินค้านำเข้าจีนในอัตรา 60% อาจกลายเป็นอุปสรรคสำคัญที่สกัดกั้นการเติบโตของจีน
อัตราภาษีนี้ไม่เพียงสูงกว่า 7.5-25% ที่ ทรัมป์ เคยเรียกเก็บในรัฐบาลเทอมหนึ่งเท่านั้น แต่เศรษฐกิจจีนตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเปราะบางเป็นพิเศษ ทั้งจากความซบเซาของภาคอสังหาริมทรัพย์ ภาระหนี้สินของรัฐบาลส่วนท้องถิ่น รวมถึงอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอ
China Daily ชี้ว่า นโยบายและ “มุมมองที่ผิดพลาด” ของสหรัฐฯ ต่อจีนถือเป็นความท้าทายใหญ่หลวงต่อความสัมพันธ์ทวิภาคี พร้อมชี้ว่า “การนำแนวทางที่ปฏิบัติได้จริงมาใช้จัดการความสัมพันธ์ คือสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้ทั้ง 2 ฝ่ายก้าวผ่านปัญหาท้าทายระดับโลกที่ซับซ้อนไปได้”
สื่อจีนฉบับนี้ยังย้ำด้วยว่า การจัดการอย่างเหมาะสมต่อความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็น “ความสัมพันธ์ทวิภาคีที่สำคัญที่สุดในโลก” ไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 ชาติ แต่ยังจะช่วยเสริมความแน่นอนและเสถียรภาพให้แก่โลกด้วย
ที่มา : รอยเตอร์