จีนจะทำงานร่วมกับสหรัฐฯ บนพื้นฐานของความเคารพกันและกัน จากคำยืนยันของกระทรวงการต่างประเทศแดนมังกรในวันพุธ (6 พ.ย.) หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา แต่พวกนักยุทธศสตร์เตือนว่าปักกิ่งต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความเจ็บปวดจากการถูกมหาอำนาจคู่อริแห่งนี้เล่นงานในประเด็นการค้า เทคโนโลยีและความมั่นคง
"นโยบายของเราที่มีต่อสหรัฐฯ มีความคงเส้นคงวา ไม่เปลี่ยนแปลง" เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวระหว่างแถลงสรุปประจำวันในกรุงปักกิ่ง เมื่อถูกถามว่าการหวนคืนสู่ทำเนียบขาวของทรัมป์ จะส่งผลประทบอย่างไรต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ
"เราจะยังคงมองและจัดการความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ สอดคล้องกับหลักการของการให้ความเคารพซึ่งกันและกัน อยู่ร่วมกันอย่างสันติ และร่วมมือกันแบบที่เป็นฝ่ายชนะทั้งคู่ (วิน-วิน)" เธอกล่าว
อย่างไรก็ตาม พวกนักยุทธศาสตร์จีนคาดหมายว่าปักกิ่งอาจต้องเจอกับวาทกรรมที่เผ็ดร้อนมากกว่าเดิม และเป็นไปได้ว่าจะโดนมาตรการรีดภาษีที่หนักหน่วงจากทรัมป์ แม้บางส่วนเชื่อว่านโยบายต่างประเทศของทรัมป์ ที่ค่อนข้างจะโน้มเอียงไปทางลัทธิโดดเดี่ยว (Isolationism) อาจเปิดช่องว่างให้ปักกิ่งแผ่ขยายอิทธิพลไปทั่วโลกเช่นกัน
"ปักกิ่งคาดหมายว่าการชิงชัยจะเป็นไปอย่างคู่คี่สูสีในศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ และแม้ชัยชนะของทรัมป์ ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่จีนชื่นชอบและก่อความกังวลต่างๆ แต่มันก็ไม่ได้ผิดคาดไปโดยสิ้นเชิง" ถง จ้าว เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสแห่งมูลนิธิคาร์เนกีเพื่อสันติภาพระหว่างประเทศ (CEIP) ให้ความเห็น
"มีความเป็นไปได้ว่าผู้นำจีนจะมุ่งมั่นคงไว้ซึ่งความสัมพันธ์ที่แสดงออกถึงความเป็นมิตรที่อบอุ่นและจริงใจกับทรัมป์ แต่ขณะเดียวกันก็จะพยายามอย่างเข้มข้นในความพยายามฉายภาพพลานุภาพและความเข้มแข็งของจีน" เขากล่าว
ต้า เหว่ย ผู้อำนวยการศูนย์ความมั่นคงและยุทธศาตร์ระหว่างประเทศ แห่งมหาวิทยาลัยชิงหวาในกรุงปักกิ่ง บอกว่า "ชัยชนะของทรัมป์ อาจก่อความท้าทายค่อนข้างใหญ่หลวงต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อ้างอิงจากนโยบายต่างๆ ที่เขาเสนอระหว่างการหาเสียง และการกระทำต่างๆ ของเขาครั้งที่ดำรงตำแหน่งสมัยก่อน"
"สืบเนื่องจากทรัมป์ เป็นคนคาดเดาได้ยากมากๆ ผมคิดว่ามันจะเป็นเรื่องยากสำหรับจีน ที่จะบอกได้ว่ามีแผนอย่างเต็มขั้นสำหรับรับมือเมื่อ ทรัมป์ ก้าวเข้าสู่อำนาจ นอกจากนี้มันยังขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลของทรัมป์จะนำนโยบายใดบ้างมาใช้" เขากล่าว
ทรัมป์ เคยเสนอรีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเกินกว่า 60% และยุติสถานะของจีน ในด้านชาติที่ได้รับอนุเคราะห์สูงสุดทางการค้า (most-favoured-nation trading status) ขณะที่พวกนักวิเคราะห์มองว่าแนวโน้มของสงครามการค้าที่อาจโหมกระพืออีกรอบ อาจก่อแรงสั่นสะเทือนความเป็นผู้นำของจีน
จีน ขายสินค้าให้แก่สหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่ากว่า 400,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี และขายส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่อเมริกาซื้อจากประเทศอื่นๆ คิดเป็นมูลค่าอีกหลายแสนล้านดอลลาร์เช่นกัน
"ปักกิ่งมีความกังวลโดยเฉพาะเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการคืนชีพสงครามการค้าภายใต้การบริหารงานของทรัมป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในปัจจุบันนี้จีนกำลังเผชิญความท้าทายหนักหน่วงเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ" จ้าวกล่าว
"จีนคาดหมายเช่นกันว่า ทรัมป์ จะเร่งรัดแยกตัวห่วงโซ่อุปทาน (Decoupling) ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ความเคลื่อนไหวที่อาจคุกคามการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน และส่งผลกระทบทางอ้อมต่อเสถียรภาพทางสังคมและการเมืองของประเทศ" เขาระบุ
"ในการตอบโต้ มีความเป็นไปได้ว่าจีนจะยกระดับผลักดันการพึ่งพาตนเองทางเศรษฐกิจและเทคโนโนโลยีมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็อาจรู้สึกเหมือนถึงกดดันให้ต้องยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับประเทศต่างๆ อย่างเช่นรัสเซีย ให้แน่นแฟ้นกว่าเดิม"
(ที่มา : รอยเตอร์)