กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และตัวแทนจากเดโมแครต ให้สัญญาถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติแก่ โดนัลด์ ทรัมป์ ระหว่างการกล่าวปราศรัยในวันพุธ (6 พ.ย.) ยอมรับความพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งผู้นำอเมริกาเมื่อวันอังคาร (5 พ.ย.) ที่ผ่านมา พร้อมเรียกร้องเหล่าผู้สนับสนุนอย่าเพิ่งสิ้นหวัง ให้เดินหน้าสู้เพื่ออุดมการณ์ต่อไป
"เราต้องยอมรับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ก่อนหน้านี้ในวันนี้ ดิฉันได้คุยกับว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ และแสดงความยินดีกับเขาต่อชัยชนะของเขา" แฮร์ริส กล่าวปราศรัย ณ มหาวิทยาลัยฮาวเวิร์ด ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เธอเคยเรียน ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
"ดิฉันบอกกับเขาว่า เราจะช่วยเขาและคณะทำงานของเขาในการเปลี่ยนผ่าน และเราจะมีส่วนร่วมในการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ" แฮร์ริสระบุ
แฮร์ริส ไม่ได้พาดพิงกรณีที่ ทรัมป์ ปฏิเสธยอมรับความพ่ายแพ้ที่เขาปราศรัยต่อประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในปี 2020 แต่เธอกล่าวว่าการเคารพผลการเลือกตั้งทำให้ระบอบประชาธิปไตยเป็นอะไรที่พิเศษแตกต่างจากระบอบราชาธิปไตยและระบอบเผด็จการ ใครก็ตามที่อยากได้ความไว้วางใจจากสาธารณะจำเป็นต้องเคารพผลการเลือกตั้ง
"ในขณะเดียวกัน ในประเทศของเรา เรามีความภักดีไม่ใช่แค่กับประธานาธิบดีรายหนึ่งๆ หรือพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็นความภักดีต่อรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ และภักดีต่อมโนธรรมและต่อพระผู้เป็นเจ้าของเรา" เธอกล่าว
ระหว่างปราศรัยต่อหน้าฝูงชนที่ส่งเสียงเชียร์ แฮร์ริสเริ่มต้นด้วยการเรียกร้องให้บรรดาผู้สนับสนุนเดินหน้าสู้ต่อเพื่ออุดมการณ์ต่างไ ของพวกเขา แม้มีความรู้สึกผิดหวังเจ็บปวด หนึ่งวันหลังจาก ทรัมป์ คว้าชัยชนะอย่างขาดลอย
"ผลของศึกเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ ไม่ใช่สิ่งที่เราสู้เพื่อ ไม่ใช่สิ่งที่เราโหวตเพื่อ แต่ฟังฉัน ฉันอยากบอกว่าแสงสว่างแห่งความหวังของอเมริกาจะลุกโชนสว่างไสวอยู่เสมอ ตราบใดที่เราไม่มีวันยอมแพ้ และตราบใดที่เราเดินหน้าสู้ต่อไป" เธอกล่าว "บางครั้งการต่อสู้ต้องใช้เวลาสักพัก มันไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีวันชนะ"
บรรดาผู้สนับสนุนของแฮร์ริสหลายพันคนรวมตัวกันที่มหาวิทยาลัยฮาวเวิร์ดในคืนวันอังคาร (5 พ.ย.) เพื่อสิ่งที่พวกเขาหวังว่าจะได้เห็นชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ สำหรับผู้หญิงรายหนึ่งได้ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามในวันพุธ (6 พ.ย.) พวกเขากลับมารวมตัวกันอีกรอบ เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนแฮร์ริส หลังจากเธอประสบความพ่ายแพ้
"ฉันมาที่นี่ เพื่อแสดงความรักและความเคารพที่มีต่อเธอ สำหรับสิ่งที่เธอทำ" ดอนนา บรูซ วัย 72 ปีกล่าว พร้อมระบุว่าเธอเห็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ สวมเสื้อยืดที่มีข้อความว่า เด็กผู้หญิงผิวสีจะปกป้องโลก "ฉันยังคงเชื่อแบบนั้น มันอาจไม่ใช่เด็กหญิงรายนี้ แต่ฉันเชื่อว่าเด็กผู้หญิงผิวสีรายหนึ่งจะสามารถทำได้"
(ที่มา : เอเอฟพี/รอยเตอร์)