ราคาน้ำมันและทองคำขยับลงในวันพุธ (6 พ.ย.) หลังดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากแนวทางนโยบายต่างๆ ของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ขณะเดียวกันวอลล์สตรีทก็ขานรับด้วยความคึกคักทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ต่อชัยชนะในศึกเลือกตั้งเมื่อวันอังคาร (5 พ.ย.) ของตัวแทนพรรครีพับลิกันรายนี้
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 30 เซนต์ ปิดที่ 71.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 61 เซนต์ ปิดที่ 75.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ทุกสายตาจับจ้องไปที่ศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ และในขณะที่ ทรัมป์ คว้าชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด พวกนักวิเคราะห์มองว่านอกจากภาคพลังงานจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากทิศทางนโยบายของทรัมป์แล้ว แต่ทิศทางเศรษฐกิจอย่างกว้างๆ เช่น มาตรการรีดภาษีทางการค้า รวมไปถึงบรรยากาศทางภูมิรัฐศาสตร์น่าจะส่งผลกระทบต่อภาคพลังงานด้วยเช่นกัน
รัฐบาลของทรัมป์มีมุมมองฝักใฝ่อุตสาหกรรมพลังงานฟอสซิลมากกว่า ซึ่งอาจยกระดับกำลังผลิตและเพิ่มการส่งออกเมื่อเวลาผ่านไป ในขณะเดียวกัน เขายังประกาศอำนวยความสะดวกข้อตกลงสันติภาพในตะวันออกกลางและความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ที่ส่งผลกระทบกับอุปทานพลังงานมาช้านาน
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังถูกฉุดจากการแข็งค่าของดอลลาร์ สืบเนื่องจากผลการเลือกตั้ง หลังจากช่วงหนึ่งดัชนีดอลลาร์ดีดตัวขึ้นเหนือ 105 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ในขณะที่ดอลลาร์ที่แข็งค่า ทำให้น้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้อที่ถือสกุลเงินอื่นๆ ดังนั้นมันจึงบั่นทอนอุปสงค์พลังงาน
ขณะเดียวกัน ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นก็ฉุดราคาทองคำแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ในวันพุธ (6 พ.ย.) นักลงทุนแห่หลับมาถือครองสกุลเงินสหรัฐฯ หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีอเมริกา โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 81.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,668.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งขึ้นแรงทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพุธ (6 พ.ย.) หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนรีพับลิกัน ชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา ถือเป็นการหวนคืนเก้าอี้อันน่าตื่นตะลึง หลังจากพ่ายแพ้หลุดจากทำเนียบขาวเมื่อ 4 ปีก่อน
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 1,508.05 จุด (3.57 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 43,729.93 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 146.28 จุด (2.53 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,929.04 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 544.29 จุด (2.95 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 18,983.46 จุด
ดัชนีทั้ง 3 ล้วนปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากพวกนักลงทุนคาดหมายว่าจะมีการปรับลดภาษีและลดกฎระเบียบทางราชการ รวมถึงคาดหวังต่อประธานาธิบดีรายหนึ่งๆ ซึ่งไม่ลังเลที่จะเข้าแทรกแซงทุกๆ อย่างไล่ตั้งแต่ตลาดหลักทรัพย์ไปจนถึงดอลลาร์ แม้ขณะเดียวกันมาตรการรีดภาษีรอบใหม่อาจนำมาซึ่งความท้าทายต่างๆ ในรูปแบบของตัวเลขขาดดุลงบประมาณที่สูงขึ้นและเงินเฟ้อดีดตัวขึ้น
(ที่มา : รอยเตอร์)