ในหนังโฆษณาชิ้นหนึ่งที่จัดทำเพื่อสนับสนุน กมลา แฮร์ริส เป็นเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่กาบัตรเลือกรองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตผู้นี้ ขณะที่สามีคิดว่า เธอโหวตให้โดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมเสียงบรรยายโดยจูเลีย โรเบิร์ตส์ นักแสดงหญิงชื่อดังว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นในคูหาเลือกตั้ง จะอยู่แต่ในคูหาเลือกตั้ง”
โฆษณาความยาว 30 วินาทีชิ้นดังกล่าวที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก “โหวต คอมมอน กู๊ด” ซึ่งเป็นองค์กรไม่หวังผลกำไร เป็นภาพสามี-ภรรยามาถึงคูหาเลือกตั้ง ทั้งคู่สวมหมวกเบสบอลลายธงอเมริกัน ซึ่งเป็นหมวกที่ผู้สนับสนุนทรัมป์ชอบใส่ และผู้หญิงที่เป็นภรรยาสบตาแบบรู้กันกับผู้หญิงอีกคนที่กำลังลงคะแนน ก่อนที่จะกาบัตรเลือกแฮร์ริส
“คุณสามารถโหวตตามใจตัวเองและคนอื่นไม่จำเป็นต้องรู้” เสียงบรรยายดังขึ้น ก่อนที่ตัวสามีจะถามว่า “คุณเลือกคนถูกรึเปล่า” และภรรยาตอบว่า “ถูกแน่นอน ที่รัก”
โฆษณาดังกล่าวทำให้ทีมหาเสียงของทรัมป์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ โดยเจ้าตัววิจารณ์ว่า “โฆษณาโง่ๆ มีที่ไหนภรรยาไม่บอกสามีว่า โหวตให้ใคร”
ขณะที่ผู้ดำเนินรายการคนหนึ่งของฟ็อกซ์ นิวส์ ซึ่งเป็นสื่อทีวีสายอนุรักษนิยมจัด บอกว่า ถ้าภรรยาแอบไปลงคะแนนให้แฮร์ริสคงไม่ต่างอะไรจากการถูกสวมเขา และนิวต์ กิงกริช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกัน โจมตีว่า โฆษณาดังกล่าวสะท้อนมิติการทุจริตฉ้อฉลของทีมรณรงค์หาเสียงของแฮร์ริส
ขณะเดียวกัน เดอะ ลินคอล์น โปรเจกต์ที่เป็นกลุ่มการเมืองต่อต้านทรัมป์ เผยแพร่โฆษณาอีกชิ้นที่เป็นภาพผู้ชายชนชั้นกลาง-สูงสองคนที่ต่างรับประกันว่า ภรรยาของพวกเขาจะโหวตให้ทรัมป์ และภาพตัดไปที่ผู้หญิงทั้งสองคนและผู้หญิงอื่นๆ ในคูหาเลือกตั้งกาบัตรเลือกแฮร์ริส
โฆษณาสองชิ้นนี้สะท้อนสองประเด็นสำคัญในการหาเสียง ประเด็นแรกคือ ทรัมป์และแฮร์ริส กำลังขับเคี่ยวแย่งชิงกันอย่างดุเดือดจนกระทั่งถึงคะแนนสุดท้ายและนาทีสุดท้ายในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เข้มข้นที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่
ประเด็นที่สองคือ แฮร์ริสฝากความหวังอย่างมากกับการขับเคลื่อนพลังหญิงในการแข่งขันที่คู่คี่อย่างยิ่งที่จะเผยให้เห็นช่องว่างระหว่างเพศในการโหวตอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
จากผลสำรวจล่าสุดของเอ็นบีซี ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ตั้งใจจะไปลงคะแนนระหว่างเพศชายกับเพศหญิงมีความแตกต่างกัน 34% และแฮร์ริสมีคะแนนนำในกลุ่มผู้หญิง 16% ส่วนทรัมป์นำในกลุ่มผู้ชาย 18%
ช่องว่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนนี้เกิดขึ้นขณะที่ทีมหาเสียงของแฮร์ริสโหมประเด็นสิทธิอนามัยเจริญพันธุ์และการทำแท้ง หลังจากศาลสูงสุดยกเลิกสิทธิตามรัฐธรรมนูญในการทำแท้งในปี 2022
เคลลี่ ดิตต์มาร์ รองศาสตราจารย์รัฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยรัตเกอร์ส ในสหรัฐฯ ระบุว่า โดยรวมแล้วการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการต่อสู้กันระหว่างแนวทางเชิดชูเพศชายเป็นใหญ่ในฐานะเพศพ่อแบบประเพณีดั้งเดิมที่ทรัมป์สนับสนุน กับนโยบายของแฮร์ริสที่ลดการเชื่อมโยงกับการแสดงบทบาทอิงตามเพศสภาพแบบเหมารวม
ขณะที่ ลิซ เชนีย์ บุตรสาวอดีตรองประธานาธิบดีดิ๊ก เชนีย์ และอดีตสมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรครีพับลิกันที่แปรพักตร์มาสนับสนุนแฮร์ริส วางเดิมพันเอาไว้กับการโหวต “ลับ” ของชายหญิงจำนวนมากที่อาจไม่เคยเปิดเผยจุดยืนทางการเมืองแต่จะไปลงคะแนนให้แฮร์ริส
ก่อนหน้านี้ มิเชลล์ โอบามา อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง เรียกร้องโดยตรงถึงผู้ออกเสียงที่เป็นผู้หญิง ซึ่งอยู่ในครอบครัวที่ผู้ชายเป็นใหญ่และไม่เคยรับฟังหรือให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของผู้หญิง ให้ “พึงตระหนักว่า คะแนนโหวตของคุณมีความสำคัญ”
การชักชวนของทีมหาเสียงของแฮร์ริส ที่ให้ผู้ออกเสียงโหวต “ลับ” ไม่ได้หยุดอยู่ที่ผู้หญิงเท่านั้น แต่กลุ่มโหวตคอมมอน กู๊ดออกโฆษณามาอีกชุดเมื่อเร็วๆ นี้ เป็นภาพผู้ชาย 2 คนลงคะแนนเลือกแฮร์ริสโดยไม่บอกแก๊งเพื่อนที่เชียร์ทรัมป์ โฆษณานี้มีจอร์จ คลูนีย์ นักแสดงระดับเอลิสต์ซึ่งเชียร์เดโมแครตอีกคน เป็นผู้ให้เสียงบรรยาย
( ที่มา : เอเอฟพี)