ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนเรียกร้องให้ชาติตะวันตกอนุญาตให้เคียฟใช้อาวุธพิสัยไกลจู่โจมทหารเกาหลีเหนือในรัสเซียก่อน (preemptive strike) แทนที่จะมัวรีรอให้กำลังพลโสมแดงมีเวลาเตรียมพร้อมและบุกโจมตียูเครน
จนถึงขณะนี้ สหรัฐฯ และพันธมิตรยุโรปยังห้ามไม่ให้ยูเครนนำขีปนาวุธพิสัยไกลไปใช้โจมตีเป้าหมายภายในรัสเซีย ทว่า เซเลนสกี ได้ออกมาแย้งเมื่อวันเสาร์ (2) ว่า การโจมตีทหารเกาหลีเหนือในรัสเซียควรเป็นสิ่งที่สามารถทำได้
"ทุกคนเอาแต่รอให้ทหารเกาหลีเหนือเริ่มโจมตียูเครนก่อน" ผู้นำยูเครนโพสต์ข้อความทางเทเลแกรม
"เราเห็นสถานที่ทุกจุดที่รัสเซียกำลังรวบรวมกำลังพลจากเกาหลีเหนือไว้ในดินแดนของพวกเขา... เราสามารถชิงโจมตีก่อนได้ หากว่าเรามีโอกาสทำเช่นนั้น"
เซเลนสกี ระบุด้วยว่า ทหารเกาหลีเหนือถือเป็นกองกำลังต่างชาติในรัสเซีย ดังนั้นจึงเป็นเป้าหมายทางทหารอันชอบธรรมและสามารถถูกโจมตีก่อนได้
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และเกาหลีใต้แถลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (30 ต.ค.) ว่า เกาหลีเหนือส่งทหารราว 8,000 นายเข้าไปในแคว้นคูสก์ (Kursk) ทางตะวันตกของรัสเซีย ซึ่งถูกกองทัพยูเครนบุกข้ามแดนเข้าไปยึดพื้นที่เอาไว้ได้บางส่วนมาตั้งแต่เดือน ส.ค.
ด้าน ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ อ้างว่าเกาหลีเหนือส่งทหารไปยังรัสเซียแล้วประมาณ 10,000 นาย ซึ่งทหารเหล่านี้กำลังถูกฝึกให้ใช้อาวุธ โดรน รวมถึงปฏิบัติการภาคพื้นดินและการทำสงครามสนามเพลาะ
ออสติน พูดในทำนองเดียวกับ เซเลนสกี ว่า "รัสเซียตั้งใจใช้ทหารเหล่านี้เพื่อการโจมตียูเครน พวกเขาจึงถือเป็นเป้าหมายทางทหารที่ชอบธรรมด้วย"
บอสใหญ่เพนตากอนชี้ว่า รัสเซียสูญเสียกำลังพลเฉลี่ยวันละประมาณ 1,200 นาย ดังนั้นการได้ทหารโสมแดงมาช่วยเพียง 10,000 นายจึงไม่น่าจะสร้างความได้เปรียบอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ดี ออสติน ชี้ว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องรู้ให้ได้ว่า เกาหลีเหนือได้อะไรเป็นสิ่งตอบแทนในการช่วยเหลือรัสเซีย และแม้ตอนนี้จะยังไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่ามอสโกช่วยเปียงยางพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM) แต่อนาคตก็ไม่แน่
สิ่งที่นักวิเคราะห์ตะวันตกชี้ว่าควรจับตามองมากกว่าคือกระสุนปืนใหญ่และเครื่องกระสุนชนิดอื่นๆ ที่เกาหลีเหนือส่งให้รัสเซีย ซึ่งเชื่อกันว่าอาจมีจำนวนถึง 9 ล้านหน่วย หรือเทียบเท่าครึ่งหนึ่งของเครื่องกระสุนทั้งหมดที่รัสเซียใช้ยิงโจมตียูเครนในปีนี้
ที่มา : UPI