กองเชียร์ผู้สนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ จำนวนมาก ปักธงผลเลือกตั้งที่จะมีขึ้นวันอังคาร (5 พ.ย.) นี้ กันแล้วว่าอดีตประธานาธิบดีคนโปรดของพวกเขาจะต้องคว้าชัยแบบถล่มทลาย ไม่เช่นนั้นก็คือถูกโกงซ้ำสอง และคนเหล่านี้พร้อมแล้วที่จะคัดค้านผลการนับคะแนน ถ้าแคนดิเดตจากพรรครีพับลิกันผู้นี้ไม่ได้เป็นผู้ชนะ
แบรนดอน เดนต์ หนุ่มขับรถส่งของวัย 22 ปี ให้สัมภาษณ์เอเอฟพีว่า คงไม่เชื่อเด็ดขาดถ้ามีคนบอกว่า รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครตชนะเลือกตั้ง และสำทับว่า อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะชนะขาดลอยอย่างแน่นอน เขาพูดเช่นนี้ขณะเฝ้ามองดูพวกผู้ร่วมสนับสนุนทรัมป์ของเขาเป็นพันๆ คน เบียดเสียดกันเข้าฟังตัวแทนพรรครีพับลิกันผู้นี้ ปราศรัยในเมืองซาเลม รัฐเวอร์จิเนียเมื่อวันเสาร์ (2 )
ตลอดการรณรงค์หาเสียงในปีนี้ ทรัมป์ป่าวร้องแบบคาดเดาไว้ก่อนแล้วซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันอังคาร ต้องมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล และย้ำถ้อยคำที่เขาเคยใช้ตอนที่พลาดหวังกลับเข้าทำเนียบขาวในการเลือกตั้งปี 2020 และขึ้นพูดปราศรัยปลุกเร้าพวกผู้สนับสนุนให้บุกเข้าก่อจลาจลในอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ตอนต้นเดือนมกราคม 2021 ว่า ต้อง “หยุดยั้งการปล้นชัยชนะ” ของพวกเดโมแครต
หลังจากลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี 3 ครั้ง และวนเวียนในแวดวงการเมืองมาเกือบทศวรรษ การตั้งข้อสงสัยและปฏิเสธไม่ยอมรับกระบวนการเลือกตั้งที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของทรัมป์ ได้ฝังรากลึกอยู่ในความเชื่อของพวกผู้มีสิทธิเลือกตั้งสายอนุรักษนิยมจำนวนมากในทุกช่วงวัย เชื้อชาติ และอาชีพ
“กมลาจะได้เป็นประธานาธิบดี แต่ผมคิดว่า ผู้ชนะตัวจริงคือทรัมป์ และสงสัยว่า จะมีการโกงขนานใหญ่” เจซ โบดา วิศวกรโรงงานนิวเคลียร์ กล่าวแบบคาดการณ์ให้ความเห็น
เวลาเดียวกับที่ทรัมป์เร่งปลุกเร้าความกลัวเกี่ยวกับการโกงเลือกตั้ง ทางฝั่งคณะกรรมการแห่งชาติของรีพับลิกันและพวกองค์กรพันธมิตรก็ได้ร่วมกันเคลื่อนไหวเพื่อเพิ่มน้ำหนักให้แก่การกล่าวอ้างดังกล่าวในศาล ทั้งด้วยการยื่นฟ้องกระบวนการนับคะแนนเลือกตั้ง เครื่องลงคะแนนอัตโนมัติ การลงทะเบียนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง การลงคะแนนแบบที่ไม่ต้องไปที่หน่วยเลือกตั้ง การรับรองผลการเลือกตั้ง
ถึงแม้คำฟ้องร้องมากมายถูกปฏิเสธไปแล้ว แต่พวกผู้สังเกตการณ์ยังคงกังวลว่า การดำเนินการดังกล่าวจะทำให้ผู้คนสับสนและไม่เชื่อถือการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการที่ทรัมป์ยังคงย้ำการกล่าวอ้างอย่างผิดๆ มาโดยตลอด ที่ว่าตนเองถูกปล้นชัยชนะในการแข่งขันกับ โจ ไบเดน เมื่อ 4 ปีที่แล้วมา
“ผมสงสัยเดโมแครตมาตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งที่แล้ว พวกเขาโกงทุกอย่าง” โอเลน เกษตรกรวัย 70 ปีที่สวมเสื้อยืดรูปทรัมป์ชูกำปั้นและมีคำว่า “สู้ๆๆ” บอก
การที่ทรัมป์ตัดสินใจแวะเข้ามาหาเสียงที่เวอร์จิเนีย ดังที่กล่าวข้างต้น อาจมีเป้าหมายเพื่อปลุกเร้าเรื่องการโกงเลือกตั้งเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ ผลหยั่งเสียงแสดงให้เห็นชัดเจนว่ารัฐนี้กำลังตกเป็นของแฮร์ริส กระนั้นในสุดสัปดาห์สุดท้ายก่อนหน้าวันเลือกตั้ง ทรัมป์ก็ยังมาปรากฏตัวที่เมืองซาเลม แทนที่จะไปตั้งหน้าตั้งตาหาเสียงในรัฐสมรภูมิที่เขาจะต้องชนะให้ได้แห่งอื่นๆ อย่างเช่น เพนซิลเวเนีย หรือ มิชิแกน
เมื่อเดือนที่แล้ว ตอนที่ทรัมป์เดินสายหาเสียงตามที่มั่นแข็งแกร่งแห่งต่างๆ ของเดโมแครตทั้งที่รัฐโคโลราโด อิลลินอยส์ แคลิฟอร์เนีย และนิวยอร์ก เอเดรียน อูเธอ ผู้ก่อตั้ง โครนุส คอมมิวนิเคชั่นส์ บริษัทประชาสัมพันธ์ซึ่งตั้งฐานอยู่ที่ยูทาห์ วิเคราะห์ให้เอเอฟพีฟังว่า การจัดหาเสียงในรัฐเหล่านี้สามารถช่วยสร้างภาพลักษณ์ขึ้นมาได้ว่า การรณรงค์หาเสียงของทรัมป์เป็น “ขบวนการระดับชาติ” ไม่ใช่แค่ปากเสียงของกลุ่มก้อนพื้นที่บางแห่งที่เชียร์เขาเท่านั้น
ก่อนหน้าทรัมป์มาปราศรัยที่เมืองซาเลม แลร์รี ซาบาโต ผู้อำนวยการศูนย์เพื่อการศึกษาการเมืองของมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย ก็ชี้ในทำนองเดียวกันว่า จริงๆ แล้วเวอร์จิเนียจะไม่ได้เป็นสมรภูมิตัดสินการเลือกตั้งครั้งนี้เลย แต่ทีมหาเสียงของทรัมป์ต้องการทำให้ผู้สนับสนุนคิดว่า ทรัมป์มั่นใจว่าจะได้ชัยชนะในเวอร์จิเนีย
สำหรับสถานการณ์การเลือกตั้งเวลานี้ มีรายงานระบุว่า ชาวอเมริกัน 75 ล้านคนไปลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าแล้ว ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นของรีลเคลียร์โพลิติกส์จนถึงค่ำวันเสาร์ระบุว่า ทั้งทรัมป์และแฮร์ริสไม่มีใครนำใครเกิน 3 จุดในรัฐหนึ่งรัฐใดใน 7 รัฐสมรภูมิที่จะเป็นตัวชี้ขาดผลการเลือกตั้ง
บรรดาผู้สนับสนุนรีพับลิกันให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีว่า พร้อมโยนความสงสัยเกี่ยวกับระบบการเลือกตั้งทิ้งทันที ถ้าทรัมป์ชนะแบบแลนด์สไลด์
เชิร์ล วัย 39 ปีที่ทำงานในองค์กรไม่หวังผลกำไรแห่งหนึ่งบอกว่า เธอคง “สงสัย” ถ้าผลเลือกตั้งออกมาว่า แฮร์ริสชนะ แต่จะ “มั่นใจมาก” ถ้าผลออกมาว่า ทรัมป์ชนะ
“เพราะพระเจ้าลิขิตมาแล้วให้ทรัมป์เป็นประธานาธิบดี พวกเราแค่รอเท่านั้น”
(ที่มา : เอเอฟพี)