เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - อเมริกันชนไม่ต่ำกว่า 70 ล้านคนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งวงหน้าก่อนเปิดคูหาวันอังคาร (5 พ.ย.) รวมอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จิมมี คาร์เตอร์ อายุ 100 ปี ทหารเนชันแนลการ์ดถูกสั่งเตรียมพร้อมในไม่กี่รัฐรวม กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. หากทรัมป์แพ้หลังผู้ช่วยยอมรับตื่นตระหนกเห็นคู่แข่ง กมลา แฮร์ริส นำ 3 จุดโพลรัฐไอโอวา เลือกตั้งแดนคาวบอยรอบนี้ทุ่มสุดตัวแค่สัปดาห์ที่แล้วใช้เงินโฆษณาทางการเมืองไปเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์สูงเป็นประวัติศาสตร์
CNN ของสหรัฐฯ รายงานวันเสาร์ (2 พ.ย.) ว่า การเลือกตั้งสหรัฐฯ ครั้งนี้เป็นที่จับตาไปทั่วโลกว่าสหรัฐฯ กำลังเดินหน้าไปในทิศทางใด และยังเป็นการแข่งขันสูงสุดในประวัติการณ์ทางการเงินที่ทุกฝ่ายไม่สามารถแพ้ได้ เหลือแค่ 3 วันกว่าจะถึงวันเปิดคูหาในวันอังคารที่ 5 พ.ย.นี้พบว่า มีประชาชนอเมริกันไม่ต่ำกว่า 70 ล้านคนได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า รวมอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จิมมี คาร์เตอร์ อายุ 100 ปี ใช้สิทธิในรัฐจอร์เจียบ้านเกิด โดยคาร์เตอร์ตั้งใจจะอยู่รอเพื่อออกเสียงให้รองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส
และอดีตผู้รอดชีวิตจากการสังหารหมู่ทัลซา (Tulsa Race Massacre) เมื่อปี 1921 Lessie Benningfield Randle อายุ 109 ปี กล่าวว่า เธอได้โหวตล่วงหน้าให้แฮร์ริส
ขณะเดียวกัน คู่ชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทิม วอลซ์ ที่กลายเป็นไวรัลไปทั่วเมื่อเขาพบกับลูกศิษย์ตัวเองที่เคยสอนระหว่างหาเสียง CNN รายงานว่า วอลซ์เดินเคาะประตูบ้านในการหาเสียงครั้งสุดท้ายที่รัฐเนวาดา ซึ่งเป็นรัฐสวิงสเตท
อย่างไรก็ตาม โพลสุดท้ายในรัฐไอโอวาที่ถือเป็นฐานของพรรครีพับลิกันนั้น โพลจาก Des Moines Register และ Mediacom ชี้ว่า รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กมลา แฮร์ริส เซอร์ไพรส์มีคะแนนนำเหนือคู่แข่ง โดนัลด์ ทรัมป์ อยู่ 3 จุด โดยแฮร์ริสได้ 47% ส่วนอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ได้ไป 44% เดอะการ์เดียน ของอังกฤษเปิดเผยว่า ส่งผลทำให้ทีมหาเสียงของทรัมป์ตื่นตระหนกพร้อมออกแถลงการณ์โจมตีว่า “เป็นโพลที่ไม่ปกติ”
เดอะการ์เดียนกล่าวว่า บรรดาผู้ช่วยของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั้นเชื่อมั่นว่า ทรัมป์นั้นมีโอกาสชนะแต่ยอมรับว่า “ผลเลือกตั้งนั้นยากที่จะคาดเดา”
ความเชื่อมั่นนี้มาจาก 2 จุดใหญ่คือ (1) มีโพลส่วนหนึ่งแสดงให้เห็นว่าทรัมป์ขึ้นนำในทุกรัฐแบทเทิลกราวด์สเตท และอีกทั้งพรรครีพับลิกันนั้นนำในการเลือกตั้งล่วงหน้าในรัฐเนวาดา ที่เป็นหนึ่งในรัฐสวิงสเตท และยังเป็นรัฐที่เป็นงานยากสำหรับแฮร์ริส
และ (2) ทีมหาเสียงทรัมป์เชื่อมั่นจากโพลต่างๆ ที่ชี้ไปว่า “อเมริกากำลังเดินผิดทาง” และผู้เชี่ยวชาญด้านการทำนายเลือกตั้งคนดัง เนต ซิลเวอร์ (Nate Silver) ให้ทรัมป์ชนะเลือกตั้งสหรัฐฯ 55% และแฮร์ริส 45%
ในรอบนี้พรรคเดโมแครตส่งอดีตอัยการสหรัฐฯ กมลา แฮร์ริส และอดีตครู ทิม วอลซ์ ชิงตำแหน่งผู้นำสูงสุดสหรัฐฯ สู้พรรครีพับลิกันที่ถือเป็นพรรคนายทุนซีอีโอ และเจ้าของกิจการส่ง โดนัลด์ ทรัมป์ เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ยอมเป็นทหารรับใช้ชาติ มองชนกลุ่มน้อยในประเทศทั้งผิวดำ ผิวน้ำตาล ที่ส่วนใหญ่ไม่ใช่เจ้าของกิจการว่าเป็นพวกขอเงินสวัสดิการรัฐหรือที่เรียกว่าพวก panhandler และสนับสนุนซีอีโอผิวขาวต่อนโยบายการลดภาษีบริษัทกิจการตัวเองและนโยบายพรมแดนทางใต้สหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน ทรัมป์มีคดีติดตัวมากมายรวมถึงคดีฉ้อโกงทางธุรกิจในรัฐนิวยอร์ก
ส่วนเจดี แวนซ์ อดีตนาวิกโยธินสหรัฐฯ และทนายความที่มีความคิดสุดโต่งหลายเรื่องรวมถึงสิทธิสตรี ซึ่งมีคนมากมายคาดเดาว่า ฝ่ายทรัมป์อาจมีชัยและเตรียมรับต่อการเปลี่ยนแปลงที่อาจถึงขั้นเกิดจลาจลขึ้นมาหากว่าทรัมป์แพ้เหมือนสมัยเลือกตั้งสหรัฐฯ ปี 2020 ที่ฝ่ายสนับสนุนทรัมป์ใช้กำลังบุกรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ปี 2021 เพื่อขัดขวางการรับรองผลคะแนนเลือกตั้ง
CNN รายงานว่า ทหารเนชันแนลการ์ดในไม่กี่รัฐได้แก่ รัฐโอเรกอน รัฐเนวาดา รัฐวอชิงตัน และกรุง วอชิงตัน ดี.ซี. มีคำสั่งลงมาให้เตรียมพร้อมในที่ตั้งหากเกิดความไม่สงบหลังการเลือกตั้งตามคำขู่ของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์
CNN ชี้ว่า ที่รัฐวอชิงตัน และรัฐโอเรกอนมีการเผากล่องรับบัตรเลือกตั้งมาแล้วและมีการเผยแพร่คลิปแสดงโกงเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม FBI วันเสาร์ (2) แถลงว่า วิดีโอคลิปที่แชร์ไปทั่วโซเชียลมีเดียอ้างว่า FBI ได้จับกุม 3 คนเกี่ยวข้องกลุ่มโกงเลือกตั้ง และอีกคลิปเกี่ยวข้องสามีแฮร์ริส สุภาพบุรุษหมายเลข 2 สหรัฐฯ ดัก เอ็มฮอฟฟ์ (Second Gentleman Doug Emhoff) นั้น คลิปทั้งสองเป็น "เฟกนิวส์" เพื่อดิสเครดิตฝ่ายตรงข้าม
เลือกตั้งสหรัฐฯ ปีนี้ยังเห็นการทุ่มเม็ดเงินอย่างมหาศาล NBC News รายงานว่า ตัวเลข 994 ล้านดอลลาร์นั้นใกล้กับ 1 ใน 10 ของมากกว่า 10 พันล้านดอลลาร์ที่ได้ใช่ในการโฆษณาการเมืองมาตั้งแต่เริ่มต้นปี 2023 นั้นกลายเป็นตัวเลขที่การเมืองสหรัฐฯ ใช้ไปภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาเท่านั้น
และส่งผลทำให้สัปดาห์ที่แล้วกลายเป็นการใช้เม็ดเงินมากที่สุดอย่างไม่เคยเห็นมาก่อนในการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่มีไม่ต่ำกว่า 272 ล้านดอลลาร์ถูกใช้ในโฆษณา อ้างอิงข้อมูลจาก AdImpact
และพบว่าในการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ ทรัมป์ใช้เงินหาเสียงไปมากกว่าแฮร์ริสเล็กน้อย โดยทรัมป์ใช้ไป 43.4 ล้านดอลลาร์ ขณะที่แฮร์ริสใช้ไป 40.7 ล้านดอลลาร์ ระหว่างวันที่ 27 ต.ค.-วันที่ 2 พ.ย.
NBC News รายงานว่า อย่างไรก็ตาม Democratic super PACs ของพรรคเดโมแครตได้ช่วยพรรคทุ่มเงินสูงกว่าพวกรีพับลิกัน