ยอดผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมฉับพลันครั้งเลวร้ายในภาคตะวันออกของสเปน พุ่งเป็น 158 รายในวันพฤหัสบดี (31 ต.ค.) ในขณะที่ทีมกู้ภัยยังคงค้นหาพวกผู้สูญหาย ในสิ่งที่อาจกลายเป็นภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับพายุครั้งเลวร้ายที่สุดในยุโรป ในรอบกว่า 5 ทศวรรษ
อังเจล วิคตอร์ ตอร์เรส รัฐมนตรีที่มีหน้าที่รับผิดชอบประสานงานร่วมกับแคว้นต่างๆ ของสเปน กล่าวระหว่างแถลงข่าวว่า "มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 158 คน เพิ่มเติมจากผู้สูญหายอีกหลายสิบคน"
ภัยพิบัติเลวร้ายโหมกระพือขึ้นจากฝนที่ตกลงมาต่อเนื่อง 8 ชั่วโมงติดในแคว้นบาเลนเซียเมื่อวันอังคาร (29 ต.ค.) ซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณฝนที่ตกลงมาตลอดทั้งปี
วิกฤตครั้งนี้กลายเป็นภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับน้ำท่วมครั้งเลวร้ายที่สุดของสเปนในยุคสมัยใหม่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และบรรดานักอุตุนิยมวิทยาบอกว่าภาวะโลกร้อนจากฝีมือมนุษย์ กำลังทำให้เหตุการณ์ทางสภาพอากาศรุนแรงเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งและทำลายล้างหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
ในปี 2021 มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 185 ราย ในน้ำท่วมหนักในเยอรมนี ขณะที่ก่อนหน้านั้นมีผู้เสียชีวิต 209 รายในโรมาเนีย ปี 1970 และในโปรตุเกส มีผู้เสียชีวิตในอุทกภัยเกือบ 500 ราย ในปี 1967
ทีมกู้ภัยในวันพฤหัสบดี (31 ต.ค.) พบร่างไร้วิญญาณ 8 ศพ ในนั้นรวมถึงตำรวจท้องถิ่นนายหนึ่ง ซึ่งติดอยู่ในโรงรถแห่งหนึ่งแถบชานเมืองบาเลนเซีย จากการเปิดเผยของ มาเรีย โฮเซ คาตาลา นายกเทศมนตรี ขณะที่ในลา ตอร์เร ย่านเดียวกัน พบผู้หญิงวัย 45 ปี เสียชีวิตในบ้านพัก
ในวันพฤหัสบดี (31 ต.ค.) พบเห็นประชาชนหลายพันคนสะพายกระเป๋า ถือถุงหรือกำลังเข็นรถเข็นข้ามสะพานคนเดินแห่งหนึ่งที่ทอดข้ามแม่น้ำทูเรีย จากย่านลา ตอร์เร ไปยังใจกลางเมืองบาเลนเซีย เพื่อกักตุนข้าวของที่จำเป็น อย่างเช่นกระดาษชำระ และน้ำดื่ม
พวกนักการเมืองฝ่ายค้านกล่าวหารัฐบาลกลางในมาดริด ว่าดำเนินการต่างๆ ล่าช้าเกินไปในการแจ้งเตือนชาวบ้าน รวมถึงความล่าช้าในการส่งทีมช่วยเหลือลงพื้นที่ กระตุ้นให้กระทรวงมหาดไทยออกมาตอบโต้ว่าพวกเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมีหน้าที่รับผิดชอบสำหรับการใช้มาตรการต่างๆ ในการปกป้องพลเรือน
"ผู้คนเหล่านี้คงไม่ตาย หากว่าพวกเขาได้รับการแจ้งเตือนอย่างทันการณ์" ลอรา วิลลาเอสคูซา ผู้จัดการซูเปอร์มาร์เกตท้องถิ่นแห่งหนึ่ง กล่าวกับรอยเตอร์ ขณะที่ มาเรียล อัลบาลัต นายกเทศมนตรีเมืองไพพอร์ตา ที่อยู่ใกล้ๆ กัน บอกว่าพวกชาวบ้านไม่ได้รับการแจ้งเตือนถึงอันตรายของน้ำท่วมอย่างทันท่วงที พร้อมเผยว่าภายในเมืองของเธอมีผู้เสียชีวิตมากถึง 62 คน
"เราพบคนชราจำนวนมากอยู่ภายในบ้าน และพบผู้คนติดอยู่ในรถ ขณะกำลังพยายามขับรถหลบหนี" เธอกล่าว
อุทักภัยได้ก่อความเสียหายแก่โครงสร้างพื้นฐานของบาเลนเซีย ซัดสะพาน ถนนและรางรถไฟขาดหลายแห่ง นอกจากนี้ ยังทำให้พื้นที่การเกษตรในภูมิภาคที่ผลิตพืชผลตระกูลส้ม คิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของสเปน และส่งออกไปทั่วโลกต้องจมอยู่ใต้บาดาล
ออสการ์ พูเอนเต รัฐมนตรีคมนาคม ระบุว่าท้องถนนราว 80 กิโลเมตร ในแคว้นทางตะวันออกของสเปนแห่งนี้ได้รับความเสียหายร้ายแรงหรือไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ และหลายเส้นในนั้นถูกขวางทางโดยรถยนต์ที่ถูกทิ้งเอาไว้
"เคราะห์ร้ายที่เราพบหลายศพติดอยู่ในยานพาหนะ" พลูเอนเตบอกกับผู้สื่อข่าว พร้อมระบุว่าอาจต้องใช้เวลา 2 ถึง 3 สัปดาห์ กว่าที่ขบวนรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมระหว่างกรุงมาดริดกับบาเลนเซียจะสามารถกลับมาสัญจรได้
นายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ กล่าวระหว่างตรวจเยี่ยมศูนย์ประสานงานกู้ภัยแห่งหนึ่ง ใกล้เมืองบาเลนเซีย เรียกร้องให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน สืบเนื่องจากความเสี่ยงเผชิญกับสภาพอากาศพายุเพิ่มเติม "ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือปกป้องชีวิตให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"
ในเมืองอูเทียล เมืองแถบชทบทที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุด แม่น้ำมาโกรเกิดล้นตลิ่ง นำกระแสน้ำสูงเกือบ 3 เมตร ไหลบ่าเข้าท่วมเมืองแห่งนี้ ที่ส่วนใหญ่แล้วเต็มไปด้วยบ้านชั้นเดียว
ริคาร์โด กาบัลดอน นายกเทศมนตรีเมืองอูเทียล เผยว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย ภายในเมืองที่มีประชากรทั้งหมดราว 12,000 คน ส่วนใหญ่เป็นคนชราหรือไม่ก็คนพิการ ที่ไม่สามารถปีนขึ้นที่สูงเพื่อความปลอดภัย
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส สวดมนต์ภาวนาแก่ผู้คนในแคว้นแห่งนี้ "ข้าพเจ้าอยู่เคียงข้างอย่างใกล้ชิดกับพวกเขา ในช่วงเวลาแห่งหายนะนี้" พระองค์ตรัสในวิดีโอที่โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)