รัฐบาลจีนได้แจ้งไปยังผู้ผลิตยานยนต์แดนมังกรให้ระงับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในชาติยุโรปที่สนับสนุนมาตรการขึ้นภาษีรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากจีน ในความเคลื่อนไหวที่คาดว่าจะทำให้ยุโรปแตกคอกันเองมากขึ้นต่อการใช้นโยบายนี้
สหภาพยุโรป (อียู) เริ่มเก็บอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจีนสูงสุด 45.3% ตั้งแต่วันพุธ (30 ต.ค.) ตามหลังกระบวนการตรวจสอบนาน 1 ปีที่ทำให้รัฐสมาชิกอียูต้องขัดแย้งกันเอง และนำมาซึ่งมาตรการตอบโต้แก้แค้นจากปักกิ่ง
10 ประเทศอียูซึ่งรวมถึงฝรั่งเศส โปแลนด์ และอิตาลี โหวตสนับสนุนมาตรการขึ้นภาษีรถอีวีจีนในเดือนนี้ ขณะที่อีก 5 ชาติรวมถึงเยอรมนีไม่เห็นด้วย และมี 12 ชาติที่งดออกเสียง
รอยเตอร์อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวซึ่งระบุว่า ผู้ผลิตรถยนต์จีนซึ่งรวมถึง BYD, SAIC และ Geely ได้รับแจ้งระหว่างการประชุมแบบปิดซึ่งจัดโดยกระทรวงพาณิชย์จีนเมื่อวันที่ 10 ต.ค. ว่า ควรจะต้อง “ระงับ” แผนการลงทุนขนาดใหญ่ๆ ในประเทศที่สนับสนุนมาตรการนี้
การประชุมครั้งนี้ยังมีผู้แทนค่ายรถต่างชาติเข้าร่วมด้วย ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมได้รับแจ้งให้ “ใช้ความรอบคอบ” หากจะลงทุนในประเทศที่งดออกเสียง และ “สนับสนุน” ให้ย้ายไปลงทุนในประเทศที่โหวตไม่เห็นด้วย
ทั้งกระทรวงพาณิชย์จีน รวมถึง 3 ค่ายรถอย่าง Geely, SAIC และ BYD ยังไม่ออกมาตอบคำถามสื่อในประเด็นนี้
การที่รัฐบาลจีนเลือกใช้วิธีระงับการลงทุนบางส่วนในยุโรปสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของปักกิ่งที่จะใช้พลังต่อรองเพื่อบีบให้อียูยกเลิกมาตรการทางภาษี เนื่องจากจีนเองก็ไม่ต้องการสูญเสียยุโรปซึ่งเป็นตลาดส่งออกขนาดใหญ่สำหรับรถอีวี
รอยเตอร์อ้างอิงข้อมูลจากสมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแห่งประเทศจีน (China Passenger Car Association) ซึ่งระบุว่า จีนมีการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าไปยังยุโรปมากถึง 40% ในปี 2023
เนื่องจากสหรัฐฯ และแคนาดาก็เพิ่งประกาศรีดภาษีรถอีวีจากจีนสูงถึง 100% ดังนั้น หากยอดส่งออกไปยุโรปลดลงด้วยก็เสี่ยงที่จะทำให้ผู้ผลิตจีนเผชิญปัญหาสินค้าล้นตลาดในประเทศ
ที่มา : รอยเตอร์