บีวายดี เผยแพร่รายงานผลประกอบการ เมื่อวันพุธ (30 ต.ค.) ระบุรายได้รายไตรมาสแซงหน้าคู่แข่งอย่าง "เทสลา" บริษัทสัญชาติสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก พร้อมประกาศเดินหน้ารุกคืบเข้าสู่ตลาดต่างแดน
บริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ในเมืองเซินเจิ้น มีรายได้จากการดำเนินงาน 201,000 ล้านหยวน (ราว 28,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 9.5 แสนล้านบาท) ในช่วงไตรมาส 3 อ้างอิงเอกสารที่ยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึง 24%
ตัวเลขรายได้รายไตรมาสดังกล่าวของบีวายดี ถือเป็นครั้งแรกที่บริษํทแห่งนี้มีรายได้รายไตรมาสแซงหน้าเทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่สัญชาติสหรัฐฯ ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเผยแพร่รายงานผลประกอบการ มีรายได้ไตรมาส 3 จำนวน 25,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะเดียวกัน กำไรสิทธิของบีวายดีในไตรมาส 3 อยู่ที่ 11,600 ล้านหยวน (ราว 1,600 ล้านดอลลาร์ หรือราว 54,000 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 11.5% อ้างอิงเอกสารที่ยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
แนวโน้มผลกำไรของเทสลา ถูกพินิจพิเคราะห์อย่างเข้มข้น หลังจากมีการปรับลดราคารถยนต์หลายต่อหลายครั้งในปีที่ผ่านมา ในการตอบโต้สงครามราคากับบริษัทอื่นๆ ในนั้นรวมถึงบีวายดี ในอุตสาหกรรมอีวี
อย่างไรก็ตาม บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของอีลอน มัสก์ แห่งนี้ รายงานผลประกอบการเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีกำไรไตรมาส 3 จำนวน 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 17%
บีวายดี ที่ใช้สโลแกนเป็นภาษาอังกฤษว่า "Build Your Dreams (สร้างฝันของคุณ)" เป็นผู้ผลิตรถยนต์อีวีที่โด่งดังมากที่สุดในจีน ตลาดยานยนต์ใหญ่ที่สุดในโลก
ก่อนหน้านี้ บีวายดีเคยรายงานว่า ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2023 มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) มากเป็นประวัติการณ์ ที่ 525,409 คัน แซงหน้า เทสลา ที่มีการส่งมอบรถยนต์ 484,507 คัน
อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งปีที่แล้ว เทสลา ยังคงนำหน้า BYD อยู่ในแง่ของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด โดยเทสลาขายรถยนต์ไฟฟ้าได้ 1.8 ล้านคัน ส่วน BYD จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าได้ 1.57 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 73% จากปี 2022
(ที่มา : เอเอฟพี)