ประธานาธิบดีสวิตเซอร์แลนด์ระบุในวันจันทร์ (28 ต.ค.) ว่าเธอ “เห็นด้วย” กับการผ่อนคลายคำสั่งห้ามไม่ให้ต่างชาตินำอาวุธที่ผลิตในสวิตเซอร์แลนด์ส่งต่อไปให้ยูเครน โดยเห็นว่าคำสั่งดังกล่าวส่งผลเสียต่ออุตสาหกรรมและความมั่นคงของประเทศ
กระแสเรียกร้องให้สวิตเซอร์แลนด์ปรับจุดยืนความเป็นกลาง (neutral) เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ทั้งภายในประเทศและระดับนานาชาติ หลังจากที่รัสเซียส่งทหารบุกยูเครนในปี 2022 โดยปีที่แล้วรัฐสภาสวิตเซอร์แลนด์ก็เคยเสนอแนะให้ผ่อนคลายกฎการส่งออกอาวุธ ทว่ารัฐบาลยังคงปฏิเสธที่จะเปลี่ยนนโยบายที่ใช้มาอย่างยาวนาน
“โดยส่วนตัวแล้ว ดิฉันคิดว่าควรจะต้องทำให้อุตสาหกรรมของเราก้าวไปข้างหน้า” วิโอลา อัมเฮิร์ด ประธานาธิบดีสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งควบเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมด้วย ระบุในงานแถลงข่าวที่กรุงเบิร์น
“มันกลายเป็นเรื่องยุ่งยากขึ้นมา เนื่องจากประเทศอื่นๆ อย่างเช่น เนเธอร์แลนด์ ตัดสินใจไม่สั่งซื้ออาวุธจากสวิตเซอร์แลนด์เพราะไม่สามารถนำไปส่งออกซ้ำอย่างเสรีได้ ซึ่งดิฉันก็เข้าใจ”
“หากเรามีปัญหาเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอาวุธ นั่นหมายความว่าเรากำลังเผชิญปัญหาในด้านความมั่นคงด้วย เพราะการเข้าถึงเทคโนโลยีและความรู้ต่างๆ เป็นเรื่องสำคัญ”
อย่างไรก็ตาม อัมเฮิร์ด ยืนยันว่า สวิตเซอร์แลนด์ซึ่งเคยรับหน้าที่เจรจาไกล่เกลี่ยความขัดแย้งมาแล้วหลายครั้ง จะไม่ส่งออกอาวุธโดยตรงให้ประเทศที่กำลังเกิดสงคราม
แม้จะยึดถือนโยบายเป็นกลาง แต่สวิตเซอร์แลนด์ก็เป็นชาติผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่อันดับ 14 ของโลก ตามข้อมูลจากสถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์ม (SIPRI) เมื่อปี 2022
ยอดส่งออกอาวุธของสวิตเซอร์แลนด์ลดลงอย่างเห็นได้ชัดในปี 2023 ซึ่งนักวิจารณ์โทษว่าสาเหตุเกิดจากนโยบายความเป็นกลางของประเทศนี้เอง
อัมเฮิร์ด ระบุว่า สวิตเซอร์แลนด์จำเป็นต้องลงทุนในด้านความมั่นคงเพิ่มขึ้นในยุโรป และมีแผนที่จะกระชับความร่วมมือกับหุ้นส่วนต่างๆ รวมถึงองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต)
ขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันจันทร์ (28) ว่าได้อนุมัติโครงการจำหน่ายเครื่องไม้เครื่องมือและบริการสนับสนุนสำหรับระบบขีปนาวุธแพทริออต (Patriot) ให้แก่สวิตเซอร์แลนด์ รวมมูลค่าประมาณ 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ที่มา : รอยเตอร์