อิสราเอลเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศโจมตีเป้าหมายทางทหารในอิหร่านเมื่อช่วงเช้ามืดวันนี้ (26 ต.ค.) โดยระบุว่าเป็นการแก้แค้นที่เตหะรานยิงขีปนาวุธถล่มอิสราเอลเกือบ 200 ลูกเมื่อเดือนที่แล้ว ในความเคลื่อนไหวล่าสุดที่เสี่ยงจุดชนวนสงครามใหญ่ระหว่าง 2 ชาติในตะวันออกกลางที่ต่างก็มีอาวุธเต็มไม้เต็มมือทั้งคู่
สื่ออิหร่านรายงานว่า มีเหตุระเบิดอย่างน้อย 2 ระลอกเกิดขึ้นรวมระยะเวลานานกว่า 2 ชั่วโมงในพื้นที่กรุงเตหะราน และฐานทัพในเมืองใกล้เคียง ทว่ารายงานไม่ได้ลงลึกถึงความเสียหาย แต่ไปเน้นย้ำที่ประสิทธิภาพของระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิหร่านมากกว่า
ภูมิภาคตะวันออกกลางตกอยู่ในความระส่ำระสายมานานหลายสัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลว่าอิสราเอลจะเปิดศึกแก้แค้นที่อิหร่านยิงขีปนาวุธเกือบ 200 ลูกโจมตีเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งถือเป็นการโจมตีโดยตรงต่อรัฐยิวครั้งที่ 2 ในรอบ 6 เดือน
ตอนนั้นรัฐบาลอิหร่านอ้างว่ายิงถล่มเป้าหมายทางทหารในอิสราเอลเพื่อตอบโต้ที่กองทัพยิวสังหารผู้นำสูงสุดของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ พันธมิตรอิหร่านในเลบานอน
“เพื่อตอบโต้การโจมตีจากระบอบอิหร่านต่ออิสราเอลที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาหลายเดือน เวลานี้กองกำลังป้องกันตนเองอิสราเอลกำลังปฏิบัติการโจมตีแบบแม่นยำเข้าสู่เป้าหมายทางทหารในอิหร่าน” กองทัพอิสราเอลระบุในคำแถลง
กองทัพยิวย้ำว่า อิสราเอลมีสิทธิและหน้าที่ที่จะต้องตอบโต้การโจมตีทั้งจากอิหร่านและกลุ่มติดอาวุธตัวแทน ซึ่งรวมถึงขีปนาวุธที่ยิงออกมาจากแผ่นดินอิหร่านด้วย
สถานีโทรทัศน์อิสราเอลรายงานวันนี้ (26) ว่าปฏิบัติการโจมตีแก้แค้นอิหร่าน “สิ้นสุดลงแล้ว” ภายหลังการโจมตีทั้งหมด 3 ระลอก
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คนหนึ่งเปิดเผยว่า ปฏิบัติการแก้แค้นของอิสราเอลครั้งนี้ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานหรือโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน ขณะที่สถานีโทรทัศน์ ABC รายงานว่า การโจมตีคาดว่าจะจบลง “ภายในชั่วข้ามคืนเดียว”
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้ออกมาเตือนก่อนหน้านี้แล้วว่า สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นผู้สนับสนุนและซัปพลายเออร์อาวุธรายใหญ่ของอิสราเอล “ไม่เห็นด้วย” กับการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ และยังบอกว่ารัฐยิวควรแสวงหาทางเลือกอื่นๆ ที่ไม่ใช่การโจมตีแหล่งน้ำมันอิหร่านด้วย
สถานีโทรทัศน์ของอิหร่านอ้างข้อมูลจากโฆษกกองทัพซึ่งระบุว่า เสียงระเบิดที่ดังขึ้นหลายระลอกในกรุงเตหะรานเป็นเสียงจาก “ระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ตอบสนองต่อความพยายามของระบอบไซออนิสต์ที่จะโจมตีสถานที่ 3 แห่งนอกเมืองหลวง” ขณะที่สำนักข่าว IRNA ระบุว่า มีเสียงปืนใหญ่ต่อต้านอากาศยานดังขึ้นที่ใจกลางกรุงเตหะราน
สำนักข่าว Fars ซึ่งเป็นสื่อกึ่งทางการของอิหร่านระบุว่า ฐานทัพหลายแห่งทางตะวันตกและตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงเตหะรานตกเป็นเป้าหมายของอิสราเอล ขณะที่สื่อทางการอิหร่านเผยว่าเกิดการระเบิดรุนแรงขึ้นในช่วง 2.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น แต่ไม่ลงรายละเอียดของความเสียหาย และบอกว่า “ชีวิตยังดำเนินไปได้ตามปกติ”
สำนักงาน Tasnim รายงานว่า ฐานทัพของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (IRGC) ที่ถูกอิสราเอลยิงโจมตี “ไม่ได้รับความเสียหาย” แต่อย่างใด
ด้านสำนักข่าว SANA ของซีเรียรายงานว่า อิสราเอลได้โจมตีทางอากาศถล่มเป้าหมายทางทหารในพื้นที่ตอนกลางและใต้ของประเทศเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยกองกำลังป้องกันทางอากาศของซีเรีย “ได้ยิงขีปนาวุธสกัดกั้นขึ้นไปทำลายขีปนาวุธของอิสราเอล ซึ่งยิงมาในทิศทางของที่ราบสูงโกลัน และดินแดนเลบานอน”
ทั้งนี้ รัฐบาลอิสราเอลไม่ได้ยืนยันว่ามีการโจมตีซีเรียเกิดขึ้นด้วยหรือไม่
ทางการอิสราเอลระบุว่า นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู และโยอัฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ได้เฝ้าติดตามปฏิบัติการโจมตีครั้งนี้อย่างใกล้ชิดอยู่ที่กองบัญชาการทางทหารในกรุงเทลอาวีฟ
ด้านเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ คนหนึ่งยืนยันว่า กัลแลนต์ ได้หารือกับ ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ “เพียงไม่นาน” หลังจากที่ปฏิบัติการตอบโต้ของอิสราเอลเริ่มต้นขึ้น
รอยเตอร์อ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ซึ่งยืนยันว่า วอชิงตันได้รับแจ้งจากอิสราเอลล่วงหน้าว่าจะมีการยิงโจมตีเป้าหมายในอิหร่าน แต่อเมริกาไม่ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีครั้งนี้
หลายฝ่ายกังวลว่าอิหร่านและสหรัฐฯ อาจจะถูกดึงเข้าไปไปพัวพันกับสงครามใหญ่ระดับภูมิภาค หลังจากที่อิสราเอลเริ่มยกระดับโจมตีกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนตั้งแต่เดือน ก.ย. ทั้งการยิงโจมตีกรุงเบรุต รวมถึงเปิดปฏิบัติการทางทหารภาคพื้นดินในเลบานอนควบคู่ไปกับสงครามในกาซา
แม้จะพยายามกล่อมอิสราเอลให้แก้แค้นอิหร่านอย่างจำกัดเพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย แต่สหรัฐฯ ก็ยังคงย้ำจุดยืนในการปกป้องรัฐยิวหากถูกอิหร่านโจมตีตอบโต้กลับ หนึ่งในนั้นคือการที่ ไบเดน ตัดสินใจส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศในบรรยากาศขั้นสูง หรือ THAAD เข้าไปยังอิสราเอล พร้อมกับทหารอเมริกันอีกราว 100 นาย
ที่มา : รอยเตอร์