(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
US intel leak shakes Israel’s plan to hit Iran, and more
by Stephen Bryen
21/10/2024
เราไม่ทราบว่า การรั่วไหลครั้งนี้เป็นการกระทำที่ละเมิดกฎหมาย หรือเป็นการกระทำโดยฝีมือของคณะบริหารสหรัฐฯหรือบางคนบางฝ่ายในคณะบริหารสหรัฐฯด้วยมูลเหตุจูงใจในทางการเมืองหรือเปล่า?
“Middle East Spectator” (ผู้เฝ้าติดตามตะวันออกกลาง) เป็นช่องบนแพลตฟอร์มเทเลแกรม ที่มีแนวทางนิยมฝักใฝ่ระบอบปกครองอิหร่าน และตั้งฐานอยู่ในกรุงเตหะราน ซึ่งก็เหมือนๆ กับช่องบนสื่อทุกๆ ชนิดที่ตั้งฐานอยู่ในเตหะรานนั่นแหละ- นี่ว่ากันตามกฎหมายของอิหร่านเองทีเดียว ปรากฏว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Middle East Spectator ได้ปล่อยเอกสารทางข่าวกรองที่มีความอ่อนไหวสูงรั่วไหลออกมารวม 2 ชิ้น (https://t.me/Middle_East_Spectator/11183) [1] เอกสารเหล่านี้สามารถติดตามไล่เรียงต้นแหล่งได้ว่ามาจากสำนักงานข่าวกรองข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์แห่งชาติ (National Geospatial-Intelligence Agency หรือ NGA) ของสหรัฐฯ [2] (ซึ่งเป็นหน่วยงานสังกัดอยู่กับกระทรวงกลาโหมของอเมริกา) และข้อมูลข่าวสารที่รั่วไหลออกมาเหล่านี้เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการเตรียมการของอิสราเอลเพื่อตอบโต้เอาคืนอิหร่านที่ยิงขีปนาวุธโจมตีใส่อิสราเอล ผมนะไม่ขอนำเอาเอกสารที่ถูกปล่อยรั่วไหลบนเทเลแกรมมาเผยแพร่ซ้ำ ท่านผู้อ่านที่สนใจสามารถค้นหาติดตามได้จากลิงก์ที่ระบุเอาไว้ข้างบนนี้แล้ว
Middle East Spectator อ้างว่าตนเองเป็นผู้ปฏิบัติการอย่างอิสระรายหนึ่งในเตหะราน และบอกอีกว่าได้รับเอกสารเหล่านี้มาจาก “แหล่งข่าวที่ทราบเรื่องดีรายหนึ่งในประชาคมข่าวกรองสหรัฐฯ” ถ้าหากเราถือเอาตามที่พวกเขาระบุออกมานี้แล้ว มันก็จะหมายความว่า แหล่งข่าวรายหนึ่งในประชาคมข่าวกรองสหรัฐฯได้ติดต่อกับ Middle East Spectator และแลกเปลี่ยนแบ่งปันเอกสารทั้ง 2 ชิ้นนี้ ให้ ในโพสต์ต่อเนื่องมาอีกชิ้นหนึ่ง ซึ่งเป็นการให้ความกระจ่างเพิ่มเติมขึ้นอีก Middle East Spectator บอกว่าแหล่งข่าวรายนี้อยู่ในกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ
เนื่องจาก “ข่าว” และข้อมูลข่าวสารในอิหร่าน เป็นสิ่งที่ถูกควบคุมกันอย่างเข้มงวดกวดขันมาก ดังนั้น การที่ Middle East Spectator จะสามารถเผยแพร่เอกสารเหล่านี้ได้ ก็มีแต่จะต้องได้รับอนุญาตจากระบอบปกครองอิหร่านเสียก่อนเท่านั้น
มันเป็นวัสดุที่มีคุณค่าอย่างพิเศษผิดธรรมดาทีเดียว ซึ่งอิหร่านสามารถ –และก็น่าที่จะมีความปรารถนา— นำไปใช้ในการเตรียมการเพื่อการป้องกันของพวกเขา
หนึ่งในเอกสารที่รั่วไหล 2 ชิ้นดังกล่าวนี้ ถูกระบุจัดชั้นความลับในระดับเหนือกว่า “ลับสุดยอด” (top secret) โดยมันถูกประทับตราว่า NOFORN ซึ่งหมายความว่าเอกสารชิ้นนี้ไม่สามารถนำไปแลกเปลี่ยนแบ่งปันกับพวกรัฐบาลต่างประเทศได้ ทั้งนี้ หากยอมรับว่าเอกสารนี้ไม่ได้มีการแลกเปลี่ยนแบ่งปันกับพวกพันธมิตร (อย่างเช่นกลุ่มFive Eyes group [3] ซึ่งพวกชาติสมาชิกสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารด้านข่าวกรองของสหรัฐฯ อย่างเป็นพิเศษผิดธรรมดา) ข้อมูลข่าวสารดังกล่าวนี้ก็จะยิ่งเสริมความเข้มแข็งให้แก่ข้อกล่าวอ้างของ Middle East Spectator ที่ว่า การรั่วไหลครั้งนี้เกิดขึ้นจากตัวบุคคลหรือองค์กรของสหรัฐฯ
เอกสารนี้บรรยายถึง “การดำเนินการเคลื่อนกำลังทหารขนาดใหญ่” ของอิสราเอลในวันที่ 15 และ 16 ตุลาคม โดยที่ Middle East Spectator นำเอกสารนี้มาเผยแพร่ทางเทเลแกรม ณ วันที่ 18 ของเดือนดังกล่าว
ใครก็ตามที่ปล่อยเอกสารนี้รั่วไหลไปถึงเตหะราน ก็คือกำลังส่งเสียงเตือนว่าการโจมตีของอิสราเอลกำลังจะเกิดขึ้นรอมร่อแล้ว นอกจากนั้นมันยังบอกให้ฝ่ายอิหร่านทราบถึงประเภทของอาวุธต่างๆ ที่จะถูกนำมาใช้ และเป้าหมายต่างๆ ที่อาจจะถูกโจมตีด้วย โดยที่อย่างหลังนี้หลักๆ แล้วก็คือพวกสถานที่ตั้งระบบป้องกันภัยทางอากาศ และพวกเรดาร์พิสัยไกลของฝ่ายอิหร่าน
เราทราบเรื่องที่ว่ามานี้ได้ยังไง? เอกสารทั้ง 2 ชิ้นให้ข้อมูลข่าวสารที่ระบุรายละเอียดมากมายเกี่ยวกับการเตรียมการต่างๆ ของกองทัพอากาศอิสราเอลเพื่อดำเนินการเข้าโจมตี รวมทั้งพรรณนาอย่างละเอียดถึงกิจกรรมต่างๆ ณ ฐานทัพอากาศอิสราเอล 3 แห่งซึ่งถูกสหรัฐฯติดตามสอดแนมอย่างกว้างขวางยิ่ง
รายงานทางข่าวกรองนี้ มีการระบุอย่างระวังรอบคอบเกี่ยวกับประเภทต่างๆ ของขีปนาวุธร่อน (cruise missiles) ที่อิสราเอลกำลังตระเตรียมอยู่ โดยระบุชื่อระบบหนึ่งที่เรียกขานกันว่า “ร็อคส์” (ROCKS) [4] (ซึ่งอาจจะหมายถึงขีปนาวุธร่อนพิสัยทำการไกล คริสตอล เมซ Crystal Maze หรือ คริสตอล เมซ II Crystal Maze II ซึ่งเป็นขีปนาวุธร่อนที่ปล่อยออกมาทางอากาศ) และ โกลเดน ดอว์น (Golden Dawn) อันเป็นประเภทของขีปนาวุธร่อนอีกประเภทหนึ่ง ที่อาจจะเป็นหนึ่งในตัวที่แตกสาขาออกมาจากขีปนาวุธชุด สแปร์โรว์ (Sparrow series) [5] โดยที่ชุดสแปร์โรว์นี้ ตอนเริ่มแรกทีเดียวเป็นระบบเป้าหมายซึ่งมุ่งเลียนแบบขีปนาวุธพิสัยทำการไกลๆ ของฝ่ายอิหร่าน
รายงานนี้ยังระบุอีกว่า แพลตฟอร์มที่จะใช้ในการลำเลียงขีปนาวุธเหล่านี้ จะเป็นเครื่องบิน เอฟ-15 ไอ (F-15I) [6] ไม่ใช่ไอพ่น เอฟ-35 “อะดีร์” (F-35 “Adir” jets) [7] ของอิสราเอล นอกจากนั้นมันยังมีการระบุถึงเครื่องบินเติมน้ำมันกลางอากาศ ตลอดจนแพลตฟอร์มเพื่อการสอดแนมติดตามที่อิสราเอลจะนำมาใช้อีกด้วย
ไม่หมดเพียงแค่นี้ มันยังมีอะไรมากกว่านี้อีก นั่นคือเอกสารอีกชิ้นหนึ่งที่ถูกจัดชั้นความลับระดับต่ำกว่า (ระดับ “ลับ” secret level) มีเนื้อหาที่เป็นการหารือกันถึงขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยกลาง เจริโค II (Jericho II medium range ballistic missiles) [8] ของอิสราเอล ซึ่งเป็นที่เชื่อกันว่ามันเป็นส่วนประกอบที่สำคัญยิ่งยวดส่วนหนึ่งของการป้องปรามทางนิวเคลียร์ของอิสราเอล
เจริโค II เป็นขีปนาวุธทิ้งตัวที่ใช้เชื้อเพลิงแข็ง ซึ่งสามารถที่จะนำไปติดตั้งอยู่ในไซโลสำหรับการยิง หรือยิงจากยานปล่อยภาคพื้นดินแบบเป็นทั้งยานขนส่ง-ตัวปรับให้ขีปนาวุธตั้งตรง-ตัวปล่อยขีปนาวุธ ในตัวเองครบครัน (transporter-erector-launcher หรือ TEL vehicle) จากบริบทของเอกสารนี้แสดงให้เห็นว่า สหรัฐฯยอมรับว่าอิสราเอลมีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในครอบครอง ถึงแม้ที่ผ่านมาสหรัฐฯไม่เคยยอมรับเรื่องนี้อย่างเป็นทางการมาก่อนเลย
เอกสารชิ้นหลังนี้เปิดเผยว่า อิสราเอลอาจจะมีการกระจายขีปนาวุธเจริโคของตนออกไปยังหลายๆ ที่แล้ว เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ตกเป็นเป้าโจมตีของอิหร่าน นอกจากนั้นเอกสารชิ้นนี้บอกว่าสหรัฐฯไม่มีการตรวจพบว่าอิสราเอลมีการตระเตรียมใดๆ เกี่ยวกับขีปนาวุธเจริโค II ของพวกเขา และจึงมีข้อสรุปว่าการโจมตีทางนิวเคลียร์ใดๆ โดยอิสราเอลนั้นไม่น่าที่จะเกิดขึ้นมา
ไม่สามารถที่จะมีข้อสงสัยใดๆ ได้เลยว่า การรั่วไหลของข่าวกรองซึ่งมีต้นแหล่งบ่งบอกข้อมูลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์เช่นนี้ ได้สร้างความเสียหายอย่างสำคัญให้แก่อิสราเอล มีความเป็นไปได้อย่างมากด้วยว่าข่าวกรองที่อ่อนไหวยิ่งกว่านี้มากก็มีการปล่อยรั่วไหลไปถึงฝ่ายอิหร่าน ข้อมูลข่าวสารซึ่งอิหร่านเองอาจจะกำลังพยายามป้องกันไม่ให้มีการเปิดเผยต่อสาธารณชน บางส่วนของการเผยแพร่บนช่อง Middle East Spectator ก็ดูจะเป็นการยอมรับอย่างมากมายในจุดนี้
ทำไมรัฐบาลอิหร่านจึงปล่อยให้มีข้อมูลข่าวสารในลักษณะนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง อ ะ ไ รก็ตามที รั่วไหลออกไป (ไม่ว่าจะใช้วิธีปล่อยออกมาผ่าน Middle East Spectator หรือด้วยการเปิดไฟเขียวอนุญาตให้ Middle East Spectator เผยแพร่ได้) ?
บางคนบางฝ่ายคาดเดาว่า มันคือการทำให้อิสราเอลแน่ใจว่าอิหร่านทราบแผนการตอบโต้แก้เผ็ดของพวกเขาแล้ว –ด้วยเหตุนั้นจึงกำลังส่งผลเป็นการป้องปรามไม่ให้อิสราเอลดำเนินการโจมตีซึ่งรัฐบาลอิหร่านไม่ได้ต้องการที่จะเผชิญเลย จ ริ ง ๆประการที่สองบางทีมันอาจจะเป็นการเตือน (หรือเป็นการคุยโว?) ว่าอิหร่ายกำลังได้รับการป้อนข้อมูลข่าวสารที่เป็นความลับจากสหรัฐฯ ทำให้อิสราเอลเกิดความวิตกกังวลว่ายังมีอะไรอย่างอื่นอีกไหมที่จะกลายเป็นอันตรายต่อพวกเขา
ลองพิจารณาเรื่องนี้ดู
ข้อมูลข่าวสารที่ฝ่ายอิหร่านปล่อยรั่วไหลออกมานี้ ได้รับการเผยแพร่ในวันที่ 18 ตุลาคม จากนั้นในวันที่ 19 เดือนเดียวกัน โดรนลำหนึ่งซึ่งกล่าวหากันว่ามีต้นตอมาจากกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ก็ได้เข้าโจมตีใส่บ้านพักส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ในเมืองซีซาเรีย (Caesarea) ใกล้ๆ ชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก ของอิสราเอล การพุ่งเป้าโจมตีเป้าหมายที่เป็นบ้านพักของเนทันยาฮูได้อย่างถูกต้องแม่นยำนั้น จำเป็นต้องอาศัย “ฉากที่เข้ากันได้กับเป้าหมายซึ่งโดรนถูกกำหนดให้เข้าโจมตี” (scene matching) เนื่องจากโดรนใดๆ ก็ตามที่ถูกส่งออกมาจากเลบานอน, ซีเรีย, หรืออิรัก น่าที่จะอยู่นอกพื้นที่การสื่อสารซึ่งสามารถควบคุมด้วยวิทยุ ขณะที่ฉากที่เข้ากันได้กับเป้าหมายที่ถูกกำหนด ก็จำเป็นตัองมีการเตรียมการทางด้านข่าวกรองกันอย่างมากทีเดียว
มีความมั่นใจกันหรือไม่ว่าเนทันยาฮูจะอยู่ที่บ้านดังกล่าวในขณะเกิดการโจมตีขึ้น? หรือไม่ก็ควรจะกล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า มีความมั่นใจหรือไม่ว่าเขาจะไม่อยู่ที่นั่น? การโจมติเล่นงานบ้านดังกล่าวโดยทราบอยู่แล้วว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นั่น จะเป็นอีกวิธีการหนึ่งในการบอกกล่าวอิสราเอลถึงสิ่งที่อิหร่านรู้ โดยที่ไม่ต้องเผชิญกับการตอบโต้เอาคืนซึ่งแน่นอนทีเดียวว่าจะต้องเกิดตามมาตามมา หากเกิดเหตุการลอบสังหารจริงๆ ขึ้น คำถามที่ผุดขึ้นมาอีกคำถามหนึ่งคือ ทรัพย์สินต่างๆ ของสหรัฐฯถูกนำมาใช้สมคบคิดกับแผนการนี้ด้วยหรือไม่? พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ การรั่วไหลครั้งนี้เป็นการกระทำที่ละเมิดกฎหมาย หรือเป็นการกระทำโดยฝีมือของคณะบริหารสหรัฐฯหรือบางคนบางฝ่ายในคณะบริหารสหรัฐฯด้วยมูลเหตุจูงใจในทางการเมืองหรือเปล่า? ไม่มีใครสามารถบอกอะไรได้ในเรื่องนี้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในตอนนี้
ทั้งหมดเหล่านี้น่าที่จะทำให้เกิดการทบทวนประเมินสถานการณ์กันครั้งใหญ่ขึ้นมาในอิสราเอล ในระดับต่ำที่สุด ฝ่ายอิสราเอลจะต้องมีความคิดเห็นขึ้นมาว่าข่าวกรองสหรัฐฯนั้นเชื่อถือไม่ได้ และถูกแทรกซึมเสียแล้ว นอกเหนือไปจากนั้น บางคนบางฝ่ายอาจจะมีความเข้าใจว่าสหรัฐฯมีความเป็นปรปักษ์อย่างชัดเจนและกำลังกระทำการซึ่งเป็นการต่อต้านอิสราเอล (น่าสังเกตว่าหลังเกิดเหตุการณ์โดรนโจมตีนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากพวกประมุขรัฐต่างประเทศหลายราย รวมทั้งจากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ไมค์ จอห์นสัน ทว่าทั้งประธานาธิบดีโจ ไบเดน และรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ต่างไม่มีการต่อโทรศัพท์ไปหาเขา) [9]
ในโลกแห่งความเป็นจริง เรื่องนี้ต้องถือเป็นพัฒนาการที่น่าเศร้าใจเอามากๆ อิสราเอลนั้นมีการข่าวกรองเกี่ยวกับมนุษย์ (human intelligence หรือ HUMINT) ในระดับที่ดีเยี่ยมที่สุดในโลก และมีความสามารถเข้าถึงอย่างสำคัญในพวกโปรแกรมนิวเคลียร์ของอิหร่าน หลายๆ ครั้งที่ผ่านมา อิสราเอลได้เคยเตือนพวกประเทศเพื่อนมิตร (และพวกประเทศที่ไม่ค่อยเป็นเพื่อนมิตรนัก) เกี่ยวกับภัยคุกคามต่างๆ โดยรวมทั้งคำเตือนถึงภัยคุกคามที่มีต่อประดาผู้นำชาวต่างชาติด้วย ซึ่งหน่วยข่าวความมั่นคงภายในของอิสราเอลอย่างมอสซาด (Mossad) ตลอดจนศูนย์ข่าวกรองอื่นๆ ในอิสราเอลสามารถตรวจจับได้ แต่เมื่อเกิดการรั่วไหลในลักษณะเช่นนี้ขึ้นมาเสียแล้ว มันก็น่าจะก่อให้เกิดความชะงักงันอย่างสาหัสร้ายแรงขึ้นในเรื่องการประสานร่วมมือกันทางข่าวกรอง และจะเป็นการสร้างความเสียหายโดยตรงให้แก่สหรัฐฯ
สหรัฐฯดูเหมือนได้เปิดการสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้แล้ว ทั้งนี้ตามปากคำของประธานสภาผู้แทนราษฎร ไมค์ จอห์นสัน พวกเอกสารประเภทนี้บ่อยครั้งทีเดียวมีการส่งกันโดยผ่านทางอินเทอร์เน็ตประเภทที่สามารถรับประกันความมั่นคงปลอดภัย ตลอดจนผ่านบุคลากรที่ได้รับการตรวจสอบทางด้านความมั่นคงปลอดภัยแล้ว อาจจะมีผู้คนเป็นเรือนร้อยทีเดียว หรือบางทีอาจจะมากกว่านั้นอีก ที่มีสิทธิเข้าถึงข่าวกรองนี้ กระนั้น มันอาจจะมีความเป็นไปได้ที่จะทบทวนไล่เรียงดูช่วงเวลาซึ่งประทับระบุเอาไว้ด้วยในเวลาที่มีผู้เข้าถึงหรือก็อปปี้เอกสารเหล่านี้ อันอาจจะมีศักยภาพช่วยทำให้สามารถหดแคบการค้นหาลงมา มันยังมีความเป็นไปได้ที่จะติดตามแกะรอยเอกสารที่ถูกส่งออกไปนอกสหรัฐฯ ด้วยการใช้สมรรถนะที่มีอยู่อย่างมากมายมหาศาลของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (National Security Agency) ทั้งนี้เรื่องของเรื่องย่อมต้องแล้วแต่ว่าการสืบสวนสอบสวนที่ดำเนินการอยู่ตอนนี้ มีความเคร่งครัดจริงจังมากน้อยแค่ไหน
ข้อเสนอแนะประการหนึ่งที่กำลังมีผู้เสนอกันออกมาก็คือ เอกสารเหล่านี้อาจจะถูกพวกแฮกเกอร์แฮกเอาไปได้ [10] ทว่าข้อมูลข่าวสารที่อ่อนไหวขนาดนี้ไม่เพียงต้องส่งกันโดยผ่านช่องทางลับเท่านั้น แต่ยังจะถูกเข้ารหัส ซึ่งทำให้ถ้าหากมีการแฮกขึ้นมา มันก็มีความเป็นไปได้น้อยลงมากที่จะได้ผลลัพธ์ที่เอาไปใช้ประโยชน์ได้ นอกจากนั้นควรต้องบันทึกกันเอาไว้ในทีนี้ด้วยว่า ยังไม่มีรายงานที่ได้รับการเผยแพร่อย่างเปิดเผยใดๆ เลย ซึ่งระบุว่าเกิดกรณีการแฮกข้อมูลข่าวสารทางด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ
ไม่มีความชัดเจนว่าอิสราเอลจะทำอะไรยังไงต่อไป มันจะเป็นเรื่องสะเพร่าผลีผลามถ้าจะดำเนินการตอบโต้แก้เผ็ดกันในเวลานี้ อย่างน้อยที่สุดในตอนนี้แผนการและการเตรียมการของอิสราเอลบางส่วนก็ได้รั่วไหลออกไปแล้ว –ซึ่งนี่ดูจะเป็นไอเดียทั้งหมดของเรื่องนี้ มีรายงานข่าวออกมาแล้วว่าอิสราเอลเห็นพ้องกับสหรัฐฯว่าจะไม่เข้าโจมตีสถานที่ตั้งทางด้านน้ำมันหรือทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน การตกลงเห็นพ้องดังกล่าวนี้เวลานี้ยังคงได้รับการปฏิบัติตามหรือไม่ หรือว่าอิสราเอลพิจารณาเห็นว่าการตกลงดังกล่าวเป็นอันถูกยกเลิกไปหมดแล้ว?
นอกเหนือจากนั้นแล้ว อิสราเอลยังต้องรู้สึกวิตกกังวลว่าการปฏิบัติการอื่นๆ ของพวกเขา –เป็นต้นว่า การต่อสู้เล่นงานพวกกลุ่มตัวแทนของอิหร่าน ตั้งแต่ในทะเลแดง ไปจนถึงกาซา, เลบานอน, และซีเรีย –ก็ตกอยู่ในความเสี่ยงเช่นเดียวกัน สืบเนื่องจากการรั่วไหลของข่าวกรองสหรัฐฯเช่นนี้
สตีเฟน ไบรเอน เป็นผู้สื่อข่าวอาวุโสอยู่ที่เอเชียไทมส์ เขาเคยเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเจ้าหน้าที่ของคณะอนุกรรมการตะวันออกใกล้ แห่งคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของวุฒิสภาสหรัฐฯ รวมทั้งเคยเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหมด้านนโยบายของสหรัฐฯ
ข้อเขียนนี้หนแรกสุดเผยแพร่อยู่ใน Weapons and Strategy ที่เป็นบล็อกบนแพลตฟอร์ม Substack ของผู้เขียน
เชิงอรรถ
[1] https://t.me/Middle_East_Spectator/11183
[2] https://www.nga.mil/
[3] https://www.dni.gov/index.php/ncsc-how-we-work/217-about/organization/icig-pages/2660-icig-fiorc
[4] https://www.rafael.co.il/system/rocks/
[5]https://www.strategypage.com/htmw/htairw/articles/20190319.aspx#gsc.tab=0
[6] https://nationalinterest.org/blog/buzz/inside-israel%E2%80%99s-f-15i-ra%E2%80%99am-fighter-jet-unmatched-range-and-power-210322
[7] https://www.f35.com/f35/global-enterprise/israel.html
[8] https://missilethreat.csis.org/missile/jericho-2/
[9] https://www.breitbart.com/middle-east/2024/10/19/biden-harris-fail-to-call-netanyahu-after-assassination-attempt-trump-starmer-johnson-do/
[10] https://apnews.com/article/israel-iran-us-documents-attack-e7e23d09a2f1fc14498e64b38d74576f