เอเอฟพี - แฮร์ริสโจมตีทรัมป์เป็นพวก “ฟาสซิสต์” ชี้อดีตประธานาธิบดีผู้นี้ “เอาแน่เอานอนไม่ได้มากขึ้น” โดยหยิบยกเรื่องที่ทรัมป์ยกย่องฮิตเลอร์ รวมถึงการที่อดีตเจ้าหน้าที่ในคณะบริหารของทรัมป์หลายคนเตือนว่า ทรัมป์ไม่ควรได้กลับเข้าทำเนียบขาวอีก เนื่องจากดูหมิ่นรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ขณะที่แคนดิเดตจากพรรครีพับลิกันโต้กลับด้วยการโจมตีนโยบายเศรษฐกิจของแฮร์ริส
รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต วิจารณ์โดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งสำคัญระหว่างตอบคำถามจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งในการปราศรัยแบบทาวน์ฮอลล์ที่จัดโดยซีเอ็นเอ็นเมื่อวันพุธ (23 ต.ค.) ในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐสมรภูมิที่ผู้สมัครต้องชนะให้ได้
แฮร์ริสกล่าวว่า ประชาชนมีข้อกังวลหลายอย่างเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งรวมถึงเรื่องประชาธิปไตยของอเมริกา และไม่ต้องการได้ประธานาธิบดีที่ชื่นชมเผด็จการและเป็นพวกฟาสซิสต์
สัญชาตญาณการเมืองของทรัมป์เป็นหนึ่งในหัวข้อหลักที่เป็นที่ถกเถียง หลังจากจอห์น เคลลี่ ที่รับหน้าที่หัวหน้าคณะทำงานให้ทรัมป์มายาวนาน ออกมาเปิดเผยว่า อดีตนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ผู้นี้ชื่นชมอะดอล์ฟ ฮิตเลอ์ และกองทัพนาซีในสงครามโลกครั้งที่ 2
เคลลี่ ทหารผ่านศึกที่เคยไปรบในอิรักให้สัมภาษณ์นิวยอร์ก ไทมส์ว่า ทรัมป์ยกย่องว่า ฮิตเลอร์ทำเรื่องดีๆ และอยากได้นายพลแบบที่ผู้นำเผด็จการผู้นี้มี
นอกจากนั้น ขณะที่ศัตรูของทรัมป์แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเต็มใจของทรัมป์ในการให้เกียรติประชาธิปไตยของอเมริกา เคลลี่ยังย้ำว่า เขาเชื่อว่า พฤติกรรมของนายเก่าน่าจะตรงกับคำจำกัดความทั่วไปของ “ฟาสซิสต์”
ในงานปราศรัยของซีเอ็นเอ็นที่จัดขึ้นในช่วงไพรม์ไทม์ แฮร์ริสอ้างอิงอดีตเจ้าหน้าที่ในคณะบริหารของทรัมป์หลายคน ซึ่งรวมถึงที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติและรองประธานาธิบดี ที่ล้วนเตือนว่า ทรัมป์ไม่ควรได้กลับเข้าทำเนียบขาวอีก เนื่องจากดูหมิ่นรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ แฮร์ริสสำทับว่า ทรัมป์เป็นอันตรายต่อสุขภาวะและความมั่นคงปลอดภัยของอเมริกา
ทางด้านทรัมป์ที่ปฏิเสธไปร่วมวงปราศรัยดังกล่าว ตอบโต้ระหว่างหาเสียงที่รัฐจอร์เจีย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรัฐสมรภูมิสำคัญที่อดีตประธานาธิบดีวัย 78 ปีผู้นี้เคยชนะในปี 2016 ก่อนจะแพ้ฉิวเฉียดให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในอีก 4 ปีต่อมา
ทรัมป์โต้กลับด้วยการโจมตีนโยบายเศรษฐกิจของแฮร์ริส และขุดวลีดังในรายการดิ แอปเพรนทิสที่ตนเองเคยเป็นผู้ดำเนินรายการโดยบอกว่า “แฮร์ริส คุณถูกไล่ออก!”
ทั้งนี้ ช่วงเวลาไม่นานนักก่อนที่ทรัมป์จะขึ้นเวที หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียนของอังกฤษรายงานว่า อดีตนางแบบคนหนึ่งกล่าวหาว่า ทรัมป์ลูบคลำเธอระหว่างที่เจฟฟรีย์ เอปสไตน์ มหาเศรษฐีที่ต้องคดีล่วงละเมิดผู้เยาว์และฆ่าตัวตายในห้องขัง แนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกันเมื่อทศวรรษ 1990 อย่างไรก็ดี ทรัมป์ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้บนเวทีหาเสียง
รายงานระบุว่า ขณะนี้ชาวอเมริกันราว 26.5 ล้านคนลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าแล้ว และขณะที่โพลหลายสำนักชี้ว่า ผู้สมัครทั้งคู่มีคะแนนสูสีกันอย่างมากนั้น ทรัมป์เลือกย้ำคำสัญญาในการกวาดล้างผู้อพยพและฟื้นช่วงเวลาดีๆ ทางเศรษฐกิจหลังอเมริกาเผชิญภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูง แต่ทางฝั่งแฮร์ริสพุ่งเป้าโจมตีความพร้อมทางร่างกายและสติปัญญาของทรัมป์สำหรับตำแหน่งประธานาธิบดี ควบคู่กับการแย่งชิงคะแนนจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งสายกลางที่สนับสนุนพรรครีพับลิกัน