xs
xsm
sm
md
lg

"พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3" เสด็จเยือน “ออสเตรเลีย” เป็นครั้งแรกในรัชสมัย “รบ.อัลบานิส” ส่งเครื่องบินทหารรับเสด็จตรงจาก “สิงคโปร์” หลังแดนจิงโจ้ดีเบตระอุ "ตั้งสาธารณรัฐใหม่"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเจนซีส์ - เครื่องพระที่นั่งของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และพระราชินีคามิลลาร่อนลงจอดที่เมืองซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ในค่ำวันศุกร์ (18 ต.ค.) หลังรัฐบาลออสเตรเลียส่งเครื่องบินทหารรับเสด็จทั้งสองพระองค์ถึง “สิงคโปร์” ในการเริ่มต้นเสด็จเยือนออสเตรเลียเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่ขึ้นครองราชย์ท่ามกลางเสียงแตกในแดนดาวน์อันเดอร์จะยังคงอยู่ภายใต้ระบอบที่มีกษัตริย์อังกฤษเป็นพระประมุขของประเทศต่อไปหรือไม่ โรงอุปรากรซิดนีย์ฉายพระบรมฉายาลักษณ์เฉลิมฉลองการเสด็จเยือน

เดอะซันของอังกฤษรายงานวันศุกร์ (18 ต.ค.) ว่า ถือเป็นการเสด็จเยือนต่างประเทศที่สำคัญครั้งแรกและเป็นการทดสอบที่ท้าทายของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ที่ทั้งพระองค์และพระราชินีคามิลลาแห่งสหราชอาณาจักรอังกฤษเสด็จพระราชดำเนินเยือนออสเตรเลีย และจะเสด็จต่อไปยังประเทศซามัวในแถบโอเชียเนียตามหมายกำหนดการนาน 9 วัน

เดอะซันรายงานว่า พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และพระราชินีคามิลลาเสด็จพระราชดำเนินถึงเมืองซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ มาถึงเมื่อช่วงค่ำวันศุกร์ (18) ท่ามกลางสภาพอากาศเปียกชื้นฝนตก และพระราชินีต้องทรงพระกลดแบบดั้งเดิมที่รู้จักในชื่อ parasol หลังออกมาจากเครื่องบินทหารที่รัฐบาลนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย แอนโธนี อัลบานิส จัดถวายไปรับเสด็จที่สิงคโปร์

ซึ่งนอกเหนือจากอัลบานิสที่เข้าเฝ้ารับเสด็จแล้ว พบว่านายกรัฐมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ คริส มินน์ส (Chris Minns) ผู้มีเกียรติคนอื่นๆ ร่วมเข้าเฝ้า

เดอะซันชี้ว่า มีรายงานว่าพระเจ้าชาร์ลส์ทรงหยุดพักการรักษาโรคมะเร็งเป็นเวลา 11 วันระหว่างทรงเสด็จประพาสต่างแดน

ขบวนรถยนต์พระที่นั่งนำทั้งสองพระองค์ออกไปจากสนามบิน โดยนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียจะเข้าเฝ้าที่แอดมิรัลตี เฮาส์ (Admiralty House)

โรงอุปรากรซิดนีย์ โอเปราเฮาส์ชื่อดังได้จัดแสดงฉายพระบรมฉายาลักษณ์อย่างงดงามท่ามกลางความเห็นในแดนดาวน์อันเดอร์ในเรื่องการจัดตั้งออสเตรเลียในฐานะประเทศสาธารณรัฐหรือไม่

มีรายงานว่า โอเปราเฮาส์ซินีย์ได้ไฟเขียวสามารถจัดแสดงได้ซึ่งมีค่าใช้จ่ายตกราว 50,000 ปอนด์ในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนออสเตรเลียอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรัชสมัย

แต่ทว่ากลับไม่มีการจัดแสดงตามธรรมเนียมก่อนหน้าในวันฉลองขึ้นครองราชย์

พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 เสด็จพระราชดำเนินจากท่าอากาศยานนานาชาติฮีทโธรว์ของอังกฤษในเช้าวันพฤหัสบดี (17) ด้วยเครื่องบินสายการบินพาณิชย์เพื่อมุ่งหน้าไปยัง สิงคโปร์ ที่จะทรงพบพระราชินีคามิลลาที่นั่นซึ่งพระราชินีอังกฤษทรงอยู่ระหว่างหยุดพักผ่อนส่วนพระองค์

นิตยสารเฮลโลชื่อดังรายงานเพิ่มเติมว่า เป็นที่รู้กันดีว่าพระราชินีคามิลลาทรงมักมีปัญหาเจ็ตแลกสำหรับการเสด็จเครื่องบินพระที่นั่งเที่ยวบินยาวนาน และพระองค์จะเสด็จพบพระราชสวามีหลังเสร็จสิ้นทริปการพักผ่อนเชิงบำบัดทางสุขภาพแล้ว

บีบีซีของอังกฤษรายงานว่า หมายกำหนดการเสด็จพระราชดำเนินของทั้งพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และพระราชินีคามิลลานั้นแตกต่างจากการเสด็จพระราชดำเนินของสมาชิกราชวงศ์โดยทั่วไป ซึ่งอาจเนื่องจะมาจากพระชนม์ที่สูงอายุของทั้ง 2 พระองค์ พบว่าวันเสด็จพระราชดำเนินเป็นทางการจะเริ่มต้นในวันอาทิตย์ (20)

และในหมายกำหนดการยังไม่พบการเสด็จพระราชดำเนินในช่วงค่ำ และไม่มีพระราชพิธีกาล่าดินเนอร์เป็นทางการ เป็นต้น

ซึ่งพระเจ้าชาร์ลส์ทรงมีพระราชดำรัสในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนออสเตรเลียครั้งแรก ที่ได้รับการเผยแพร่จากบัญชีสำนักพระราชวังอังกฤษบนโซเชียลมีเดียมีข้อความว่า 

“ก่อนหน้าการเยือนครั้งแรกสู่ออสเตรเลียของข้าพเจ้าทั้งสองในฐานะพระราชาและพระราชินี พวกเราตั้งความหวังที่จะหวนกลับไปยังประเทศที่สวยงามแห่งนี้อีกครั้งเพื่อเฉลิมฉลองวัฒนธรรมที่โดดเด่นและชุมชนต่างๆ ที่ทำให้เป็นสิ่งที่พิเศษมาก

การเสด็จยังเป็นประเด็นทางสาธารณะในออสเตรเลียว่าดินแดนดาวน์อันเดอร์แห่งนี้สมควรที่จะยังคงร่วมอยู่ในเครือจักรภพที่มีกษัตริย์อังกฤษเป็นพระประมุขต่อหรือไม่

ทั้งนี้ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงมีหมายกำหนดการต้องเสด็จพระราชดำเนินต่อไปยังประเทศซามัวในแถบโอเชียเนียที่ทรงจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มเครือจักรภพอังกฤษ (Commonwealth Heads of Government Meeting) ที่มีการจัดขึ้นทุก 2 ปี

โดยโพลสำรวจแบบคร่าวๆ หลังการเสด็จขึ้นครองราชย์ที่จัดทำโดย Roy Morgan Research ชี้ไปว่า 60% ของชาวออสเตรเลียต้องการให้ออสเตรเลียยังคงระบบสถาบันกษัตริย์ต่อไป แต่ในปีที่แล้วโพลสำรวจที่จัดทำโดย YouGov ชี้ไปว่าตัวเลขสนับสนุนลดลงเหลือ 35% และมีชาวออสเตรเลียจำนวนราว 32% สนับสนุนให้ออสเตรเลียเปลี่ยนเป็นสาธารณรัฐโดยเร็ว

ขณะที่อีก 12% เปิดเผยว่าต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลังการเปลี่ยนรัชสมัย ส่วนที่เหลือ 21% ไม่ทราบ




กำลังโหลดความคิดเห็น