พวกกบฏฮูตีในเยเมน เมื่อวันพฤหัสบดี (17 ต.ค.) ประกาศจะแก้แค้น หลังสหรัฐฯ ทำการโจมตีเป็นชุดด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกลแบบล่องหน B-2 ถล่มคลังเก็บอาวุธในพื้นที่ต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของทางกลุ่ม ในตอนเช้าวันเดียวกัน
"เราขอยืนยันว่าการรุกรานของอเมริกาจะไม่ถูกปล่อยให้ผ่านไปโดยไม่ตอบโต้ใดๆ" ถ้อยแถลงจากสำนักงานการเมืองของฮูตี ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ระบุ
กองทัพ และกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยว่าอมริกา พันธมิตรหลักของอิสราเอลได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 โจมตีเป้าหมายคลังจัดเก็บอาวุธต่างๆ ในพื้นที่ของเยเมน ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกฮูตี
ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ บอกว่า "กองกำลังอเมริกาเล็งเป้าเล่นงานที่ตั้งใต้ดินหลายแห่งของพวกฮูตี ที่ถูกใช้จัดเก็บอาวุธต่างๆ ที่พวกฮูตีใช้เล่นงานเรือพลเรือนและเรือทหารที่แล่นผ่านภูมิภาคแถบนี้"
เครื่องบิน B-2 เป็นเครื่องบินล่องหนที่สามารถบินเป็นระยะไกลจากสหรัฐฯ โดยไม่จำเป็นต้องหยุดพัก และบรรทุกระเบิดหนัก 40,000 ปอนด์ จากข้อมูลที่ปรากฏบนเว็บไซต์ของกองทัพอากาศอเมริกา ด้วยเหตุนี้มันจึงเครื่องบินรบที่สามารถบรรทุกอาวุธได้หนักกว่าเครื่องบินล้ำสมัยรุ่นใดๆ ในปัจจุบัน
ทะเลแดงกลายเป็นสมรภูมิและกลายเป็นความขมขื่นของบรรดาบริษัทขนส่งสินค้าทั่วโลก นับตั้งแต่กบฏฮูตีที่มีอิหร่านหนุนหลังเริ่มต้นอาศัยความได้เปรียบทางชัยภูมิเล่นงานเรือบรรทุกสินค้าที่แล่นผ่านไปมาในเส้นทางการขนส่งที่สำคัญแห่งนี้ ซึ่งมีปริมาณสินค้าล่องผ่านคิดเป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ในแต่ละปี
พวกฮูตีคือกลุ่มชีอะห์ที่กล่าวอ้าวตนเองในฐานะรัฐบาลเยเมน และควบคุมพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ พวกเขาขัดขวางการเดินเรือของอิสราเอลและตะวันตกในทะเลแดงมานานเกือบ 1 ปี เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนนักรบปาเลสไตน์ฮามาส และกดดันอิสราเอลให้หยุดโจมตีฉนวนกาซา
วอชิงตันส่งเรือรบหลายลำเข้าสู่ภูมิภาค ส่วนหนึ่งในสิ่งที่เรียกว่า "ปฏิบัติการผู้พิทักษ์ความเจริญรุ่งเรือง (Operation Prosperity Guardian)" ความพยายามไม่ให้มีการปิดกั้นช่องแคบบับ เอล-มันเดบ อย่างไรก็ตามกองทัพเรือสหรัฐฯ ไม่อาจป้องปรามพวกฮูตีได้ ส่งผลให้เรือสินค้าต่างๆ ของตะวันตกต้องหลีกเลี่ยงคลองสุเอซ และเบี่ยงเส้นทางไปอ้อมแอฟริกาแทน
(ที่มา : อลาราบิยานิวส์/เอพี)