เอพี/เอเจนซีส์ - เพนตากอนส่งเครื่องบินทิ้งละเบิดระยะไกลอเมริกัน B-2 เช้าตรู่วันพฤหัสบดี (17 ต.ค.) โจมตีบังเกอร์เก็บอาวุธใต้ดินกบฏฮูตีในเยเมน ส่งสัญญาณเตือนอิหร่าน
เอพีรายงานวันนี้ (17 ต.ค.) ว่า สำนักข่าวดาวเทียมเยเมน อัล-มาซิราห์ (al-Masirah) ของกบฏฮูตีรายงานว่า การโจมตีทางอากาศเกิดขึ้นที่กรุงซานา ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกบฏฮูตีมาตั้งแต่ปี 2014
นอกจากนี้ มีรายงานการโจมตีเกิดขึ้นที่เมืองซาดา (Saada) ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกบฏฮูตี อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานประเมินความเสียหายออกมา
รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ลอยด์ ออสติน กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกลแบบล่องหน B-2 มีเป้าหมายโจมตีไปที่
“คลังแสงเก็บอาวุธใต้ดินที่แข็งแกร่ง 5 แห่งในพื้นที่ควบคุมของฮูตีในเยเมน”
แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่อเมริกันเปิดเผยว่า การโจมตีเมื่อช่วงเช้าตรู่วันพฤหัสบดี (17) ไปที่เป้าหมายบังเกอร์ใต้ดินของพวกกบฏฮูตี
สื่อวอร์โซนของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เป็นที่รู้กันดีว่ากบฏฮูตีได้ขุดภูเขาเป็นบังเกอร์ที่มีความทันสมัย แต่ไม่ยังไม่เท่ากับบังเกอร์ใต้ดินที่พบในอิหร่าน
เอพีรายงานว่า เครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 สุดล้ำยุคของอเมริกาจะถูกนำมาใช้ในการโจมตีต่อสิ่งปลูกสร้างเกี่ยวข้องกับอาวุธนิวเคลียร์ที่แข็งแกร่งของเตหะรานในนาทานซ์ (Natanz) หรือฟอร์โด (Fordo) จากการที่เป็นที่รู้ว่าเป็นเครื่องบินที่สามารถหย่อนระเบิดบังเกอร์ GBU-57 ที่รู้จักในชื่อ MOP (Massive Ordnance Penetrator)
“นี่ถือเป็นการสาธิตที่หายากของความสามารถของสหรัฐฯ ในการโจมตีเป้าหมายสิ่งปลูกสร้างที่ศัตรูของพวกเราต้องการแอบเพื่อหลบซ่อน ไม่ว่า (สิ่งปลูกสร้าง) ใต้ดินจะลึกมากเพียงใด แข็งแกร่ง หรือป้องกันมากเท่าใด”
เอพีชี้ว่าทั้งออสติน และกองบัญชาการกลางสหรัฐฯ CENTCOM ไม่ได้เปิดเผยการประเมินออกมาในตอนนี้ แต่ทว่า CENTCOM ชี้ว่า ในการประเมินเบื้องต้นไม่พบพลเรือนถูกสังหาร
ทะเลแดงกลายเป็นสนามรบและกลายเป็นความขมขื่นของบรรดาบริษัทโลจิสติกส์คาร์โก้ทั่วโลกนับตั้งแต่กบฏฮูตีที่มีอิหร่านหนุนหลังเริ่มต้นอาศัยความได้เปรียบทางชัยภูมิเพื่อเล่นงานเรือคาร์โก้พาณิชย์ที่วิ่งผ่านไปมาที่ในครั้งหนึ่งการขนส่งที่ผ่านเส้นทางทะเลแดงสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์/ปี