เป้าหมายในขั้นสุดท้ายของมอสโก คือความแตกแยกของนาโตและเปลี่ยนแปลงระเบียบโลกที่มีอยู่ในปัจจุบัน จากความเห็นของบรูโน โคห์ล หัวหน้าหน่วยข่างกรองเยอรมนี (BND) เมื่อช่วงต้นสัปดาห์
โคห์ล กล่าวกับบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในรัฐสภาเมื่อวันจันทร์ (14 ต.ค.) ว่ารัสเซียแซงหน้ารัฐต่างๆ ของนาโตในแง่ของการใช้จ่ายด้านการทหาร และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน จะเดินหน้าทดสอบเส้นตายของตะวันตกเรื่อยๆ และยกระดับการเผชิญหน้ามากยิ่งขึ้น
"การเผชิญหน้าทางทหารโดยตรงกับนาโต กลายเป็นทางเลือกหนึ่งของมอสโก" เขากล่าว
เมื่อเดือนที่แล้ว ปูติน แถลงปรับเปลี่ยนหลักการนิวเคลียร์ของรัสเซีย ตอบโต้ภัยคุกคามจากความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ อาจอนุมัติให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่จัดหาให้โจมตีลึกเข้าไปในแผ่นดินรัสเซีย ในขณะที่มอสโกสรุปว่า นาโตมีส่วนร่วมโดยตรงในความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
การแก้ไขดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ เคียฟ เดินหน้ากดดันบรรดาชาติตะวันตกให้มอบไฟเขียวแก่พวกเขาในการใช้อาวุธที่จัดหาให้ โจมตีพิสัยไกลเล่นงานลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย
โคห์ล เชื่อว่าในท้ายที่สุดแล้วผู้นำรัสเซียมีเป้าหมายผลักสหรัฐฯ ออกจากยุโรป และคืนสถานะนาโตกลับสู่แนวเขตแดนในช่วงปลายทศวรรษ 1990 "มอสโกหาทางสร้างเขตอิทธิพลรัสเซียและสถาปนาระเบียบโลกใหม่"
รัสเซียอ้างกล่าวความเคลื่อนไหวของนาโตที่แผ่ขยายเขตแดนมาทางทิศตะวันออกมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นหนึ่งในต้นตอสำคัญของความขัดแย้ง เช่นเดียวกับความร่วมมือทางทหารระหว่างพันธมิตรทหารที่นำโดยสหรัฐฯ แห่งนี้กับยูเครน
ปูติน เคยบอกว่ามอสโกอยากเห็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศรูปแบบใหม่ในลักษณะหลายขั้ว ที่เป็นอิสระจากลัทธิฝ่ายเดียวของอเมริกา
"รัสเซียและพันธมิตรสนับสนุนรูปแบบระเบียบโลกที่มีความยุติธรรม บนพื้นฐานที่ให้การยอมรับด้วยทั่วไปต่อหลักการของกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมด้วยบทบาทสำคัญของสหประชาชาติ" เขากล่าวระหว่างประชุมร่วมกับบรรดาผู้นำประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) กลุ่มที่ประกอบด้วยเหล่าชาติอดีตสหภาพโซเวียตหลายประเทศ
"ระเบียบโลกใหม่ที่กำลังปรากฏขึ้นมาจะสะท้อนความหลากหลายของโลกใบนี้ มันเป็นกระบวนการที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้และไม่อาจย้อนกลับได้" ปูตินกล่าว นอกจากนี้แล้วเขายังเน้นย้ำว่ารัสเซียจะไม่โจมตีรัฐสมาชิกหนึ่งๆ ของนาโต จนกว่ารัสเซียจะถูกโจมตีก่อน
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)