ราคาน้ำมันขยับลงในวันจันทร์ (14 ต.ค.) กังวลอุปสงค์อ่อนแอในจีน หลังตัวเลขนำเข้าเชื้อเพลิงลดลง 5 เดือนติด ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวก ก่อนหน้าบริษัทจดทะเบียนทั้งหลายเผยแพร่รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ขณะที่ทองคำปรับลด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 1.73 ดอลลาร์ ปิดที่ 73.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.58 ดอลลาร์ ปิดที่ 77.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
แผนกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนล้มเหลวในการส่งเสริมความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน ขณะที่ตลาดยังคงจับตาความเป็นไปได้ที่อิสราเอลจะโจมตีโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันของอิหร่าน
แรงกดดันเงินฝืดของจีนเลวร้ายลงในเดือนกันยายน จากข้อมูลของทางการที่เผยแพร่ในวันเสาร์ (12 ต.ค.) และการแถลงข่าวในวันเดียวกัน ได้สร้างความแคลงใจแก่นักลงทุนเกี่ยวกับขนาดโดยรวมของแพกเกจกระตุ้นเศรษฐกิจว่าจะสามารถคืนชีพเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลกแห่งนี้ได้หรือไม่
ตัวเลขนำเข้าน้ำมันของจีนในเดือนกันยายน ลดลง 0.6% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยโรงกลั่นทั้งหลายลดระดับการซื้อ สืบเนื่องจากอุปสงค์เชื้อเพลิงภายในประเทศที่อ่อนแอ
ด้านราคาทองคำในวันจันทร์ (14 ต.ค.) ปรับลดเล็กน้อย หลังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างครอบคลุมของจีน ชาติผู้บริโภครายใหญ่ล้มเหลวในการส่งเสริมความเชื่อมั่นของนักลงทุน และดอลลาร์แข็งค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือน โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคมลดลง 10.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,665.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกในวันจันทร์ (14 ต.ค.) นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนยักษ์ใหญ่ทั้งหลายที่มีกำหนดเผยแพร่ออกมาเร็วๆ นี้ ผลักให้ดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 201.36 จุด (0.47 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 43,065.22 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 44.82 จุด (0.77 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,859.85 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 159.75 จุด (0.87 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 18,502.69 จุด
ดัชนีแนสแดคได้แรงหนุนสำคัญจากการดีดตัวขึ้นของราคาหุ้นเอ็นวิเดีย ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ ซึ่งปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นักลงทุนเชื่อว่าเวลานี้มูลค่าของเอ็นวิเดียอยู่ที่มากกว่า 3.4 ล้านล้านดอลลาร์ กลายเป็นบริษัทมหาชนที่มีมูลค่ามากที่สุดอันดับ 2 ของโลก รองจากแอปเปิล
(ที่มา : รอยเตอร์)