บรรดาแกนนำกลุ่มผู้รอดชีวิตจากระเบิดปรมาณู ที่เพิ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ กล่าวเตือนในวันเสาร์ (12 ต.ค.) ว่าความเสี่ยงของสงครามนิวเคลียร์กำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ พร้อมส่งเสียงเรียกร้องอีกรอบให้ปลดอาวุธนิวเคลียร์
"สถานการณ์ระหว่างประเทศกำลังเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่อง และประเทศต่างๆ ที่กำลังทำสงครามกันในตอนนี้ขู่ใช้อาวุธนิวเคลียร์" จากคำกล่าวของ ชิเกมัตซุ ทานากะ หนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุสหรัฐฯ ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ถล่มนางาซากิเมื่อปี 1945 และหัวหน้ากลุ่มนิฮอน ฮิดันเคียว (Nihon Hidankyo) ซึ่งเป็นองค์กรเคลื่อนไหวรากหญ้าของเหยื่อที่รอดชีวิตจากระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมา และนางาซากิ กลุ่มซึ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปีล่าสุด
"ผมหวั่นกลัวว่าเราในฐานะมนุษยชาติ กำลังอยู่บนเส้นทางของการทำลายล้างตนเอง หนทางเดียวที่จะหยุดยั้งสิ่งนั้นก็คือกำจัดนิวเคลียร์"
ในการมอบรางวัลแก่พวกผู้รอดชีวิต ทางคณะกรรมการโนเบลแห่งนอร์เวย์ เน้นย้ำถึงความเลวร้ายของระเบิดปรมาณูที่ทำลายล้างฮิโรชิมาและนางาซากิ และยกย่องการทำงานของกลุ่มนิฮอน ฮิดันเคีย องค์กรญี่ปุ่น ที่ทำงานมานานหลายทศวรรษในความพยายามกำจัดโลกแห่งอาวุธนิวเคลียร์
คณะกรรมการโนเบลแห่งนอร์เวย์ ระบุด้วยว่าความพยายามของกลุ่มนิฮอน ฮิดันเคีย มีความสำคัญยิ่งกับโลกทุกวันนี้ ไม่ใช่กับประเทศหนึ่งประเทศใดโดยเฉพาะ
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ส่งสัญญาณเมื่อเดือนที่แล้วว่ามอสโกจะพิจารณาตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์หากว่าสหรัฐฯ และพันธมิตร ไฟเขียวให้ยูคเรนโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซียด้วยขีปนาวุธพิสัยไกลที่ตะวันตกมอบใหม่
ขณะเดียวกัน ในอีกความขัดแย้งหนึ่งในตะวันออกกลาง อิหร่านก็ประกาศกร้าวว่าพร้อมอย่างเต็มกำลังในการปกป้องตัวเองและแก้แค้นอย่างทัดเทียมต่อความเป็นไปได้ใดๆ ที่อิสราเอลจะลงมือโจมตี ในนั้นรวมถึงที่ตั้งทางน้ำมัน และนิวเคลียร์ของเตหะราน
(ที่มา : รอยเตอร์/เอเจนซี)