รัฐบาลนิการากัวประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอลเมื่อวันศุกร์ (11 ต.ค.) โดยกล่าวหารัฐบาลยิวว่าเป็นพวก “ฟาสซิสต์” และ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ชาวปาเลสไตน์
คำแถลงของรัฐบาลนิการากัวระบุว่า การตัดสัมพันธ์ครั้งนี้เกิดจากกรณีที่อิสราเอลโจมตีดินแดนปาเลสไตน์
ก่อนหน้านั้น รัฐสภานิการากัวได้ผ่านมติเรียกร้องให้รัฐบาลมีมาตรการบางอย่างในช่วงครบรอบ 1 ปีสงครามกาซา
รัฐบาลนิการากัวชี้ว่า ความขัดแย้งครั้งนี้ “ได้ขยายลุกลามไปยังเลบานอน และกำลังเป็นภัยคุกคามต่อซีเรีย เยเมน และอิหร่าน”
บรรดาชาติตะวันออกกลางต่างเฝ้าระวังสูงสุดว่าสงครามอาจยกระดับขึ้นอีก หลังจากที่อิหร่านยิงขีปนาวุธเกือบ 200 ลูกเข้าไปถล่มอิสราเอลเมื่อวันที่ 1 ต.ค. โดยอิหร่านนั้นถือเป็นพี่ใหญ่ที่คอยหนุนหลังกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ซึ่งกำลังถูกกองทัพยิวเล่นงานอย่างหนักอยู่ในตอนนี้
อิหร่านยังถือเป็นพันธมิตรรายสำคัญของรัฐบาลประธานาธิบดี ดานิเอล ออร์เตกา แห่งนิการากัว ซึ่งถูกนานาชาติโดดเดี่ยวมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจากการใช้ความรุนแรงปราบปรามผู้ประท้วงในปี 2018 ซึ่งองค์กรสิทธิมนุษยชนชี้ว่าทำให้มีประชาชนถูกสังหารไปราว 300 คน
ที่มา : รอยเตอร์