ราคาน้ำมันฟื้นแรงราว 4% ในวันพฤหัสบดี (10 ต.ค.) หลังพบการใช้เชื้อเพลิงในอเมริกาพุ่งสูง ก่อนเฮอร์ริเรนมิลตันจะซัดข้ามรัฐฟลอริดา ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบและทองคำปรับขึ้น นักลงทุนวิเคราะห์ข้อมูลเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาดและตัวเลขผู้เข้ารับสวัสดิการคนว่างงานในสหรัฐฯ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 2.61 ดอลลาร์ ปิดที่ 75.85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 2.82 ดอลลาร์ ปิดที่ 79.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ในสหรัฐฯ ชาติผู้ผลิตและบริโภคน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก เฮอร์ริเคนมิลตันซัดผ่านฟลอริดา รัฐที่สถานีบริการเชื้อเพลิงราว 1 ใน 4 ขายน้ำมันจนหมดเกลี้ยง ในขณะที่พายุหักโค่นเสาไฟฟ้า ส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนและภาคธุรกิจกว่า 3.4 ล้านหลังคาเรือน
ตลาดน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นในเดือนนี้ หลังอิหร่านรัวขีปนาวุธมากกว่า 180 ลูกเข้าใส่อิสราเอลเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม เพิ่มความเป็นไปได้ที่อิสราเอลจะโจมตีแก้แค้นที่ตั้งทางพลังงานของอิหร่าน อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้อิสราเอลยังไม่มีการตอบโต้ใดๆ
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบในวันพฤหัสบดี (10 ต.ค.) นักลงทุนพินิจพิเคราะห์ข้อมูลเงินเฟ้อที่สูงเกินคาดหมาย เช่นเดียวกับจำนวนผู้เข้ารับสวัสดิการคนว่างงาน เพื่อหาข้อบ่งชี้ต่อสถานะทางเศรษฐกิจของอเมริกาและเส้นทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ดาวโจนส์ ลดลง 57.88 จุด (0.14 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 42,454.12 เอสแอนด์พี ลดลง 11.99 จุด (0.21 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,780.05 จุด แนสแดค ลดลง 9.57 จุด (0.05 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 18,282.05 จุด
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนกันยายน โดยดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.4% ในเดือนกันยายน เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.3% จากระดับ 2.5% ในเดือนสิงหาคม
เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนกันยายน สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.1% จากระดับ 0.2% ในเดือนสิงหาคม
ขณะที่ดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.3% ในเดือนกันยายน เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.2% จากระดับ 3.2% ในเดือน ส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนกันยายน สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.2% จากระดับ 0.3% ในเดือนสิงหาคม
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้น 33,000 ราย สู่ระดับ 258,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 230,000 ราย
ตามหลังการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว พวกนักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสประมาณ 80% ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ยเพียง 25% ในการประชุมในเดือนพฤศจิกายน และมีโอกาสราว 20% ที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิม
จากแนวโน้มดังกล่าว ช่วยดันราคาทองคำปรับขึ้นในวันพฤหัสบดี (10 ต.ค.) โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 13.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,639.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)