ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนระบุในวันพุธ (9 ต.ค.) ว่า จากสถานการณ์ในสนามรบเวลานี้ทำให้ตนมองเห็นโอกาสว่าสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนอาจปิดฉากลงได้ภายในปี 2025
ระหว่างแถลงต่อที่ประชุม Ukraine-South East Europe Summit ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองดูโบรฟนิกของโครเอเชีย เซเลนสกี ระบุว่าเคียฟหวังพึ่งพาการสนับสนุนจากบรรดาชาติพันธมิตรสำคัญ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา
“ภายในเดือน ต.ค. พ.ย. และ ธ.ค. เรามีโอกาสอย่างมากที่จะพลิกสถานการณ์ไปสู่สันติภาพและเสถียรภาพในระยะยาว” ผู้นำยูเครนกล่าว “สถานการณ์ในสนามรบเวลานี้กำลังสร้างโอกาสสำหรับการเลือก --- เลือกที่จะจบสงครามอย่างเด็ดเดี่ยวภายในปี 2025 และไม่ช้าไปกว่านั้น”
เซเลนสกี ไม่ได้ชี้แจงว่าอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้เขามองเห็นโอกาสดังกล่าว ขณะที่ปัจจุบันกองทัพรัสเซียยังคงยึดครองพื้นที่ทางใต้และตะวันออกคิดเป็นสัดส่วน 20% ของดินแดนยูเครนทั้งประเทศ
กองกำลังรัสเซียยังคงรุกคืบยึดพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครนได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทหารยูเครนก็ยังคงควบคุมดินแดนผืนเล็กๆ ในฝั่งรัสเซีย หลังจากที่บุกตะลุยข้ามแดนเข้าไปยังแคว้นคูสก์ (Kursk) เมื่อ 2 เดือนก่อน
เซเลนสกี พยายามอย่างยิ่งที่จะเกลี้ยกล่อมให้ชาติพันธมิตรยอมอนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธพิสัยไกลของตะวันตกยิงโจมตีเป้าหมายที่อยู่ลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย
คำพูดของผู้นำยูเครนมีขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนสำหรับเคียฟ ก่อนถึงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พ.ย. ซึ่งอาจจะทำให้ โดนัลด์ ทรัมป์ กลับเข้ามาครองทำเนียบขาวอีกครั้ง
ทรัมป์ เคยพูดเอาไว้ว่าจะจบสงครามรัสเซีย-ยูเครนให้เร็วที่สุดหากได้กลับมาเป็นผู้นำสหรัฐฯ ในขณะที่ฝ่ายสนับสนุนเคียฟเกรงว่า ยูเครนอาจถูกบีบให้ต้องยอมเสียดินแดนเพื่อแลกกับสันติภาพ
เซเลนสกี ยังพยายามนำเสนอ “แผนแห่งชัยชนะ” (victory plan) ต่อบรรดาชาติพันธมิตร ซึ่งกำหนดให้มีการเชื้อเชิญยูเครนเข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ด้วย โดยเขายืนยันว่าแผนนี้จะช่วยให้ยูเครนมีอำนาจต่อรองในการเจรจาใดๆ ก็ตามที่จะเกิดขึ้นกับรัสเซียในอนาคต
“ก็อย่างที่ผมกล่าวไป แผนนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ยูเครน ผมคิดว่าหุ้นส่วนทุกฝ่ายไม่ควรตั้งข้อสงสัย เว้นเสียแต่พวกเขาจะกลัวสหพันธรัฐรัสเซีย เพราะเราจำเป็นต้องก้าวไปสู่ขั้นตอนแรก ซึ่งก็คือ คำเชิญ (ให้ยูเครนเข้าร่วมนาโต)” เซเลนสกี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการประชุม
เซเลนสกี ยังฝากข้อเรียกร้องไปกับนักการเมืองระดับสูงจาก 12 ประเทศในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ให้เข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมอาวุธของยูเครน
“มันจะช่วยเราได้ในตอนนี้ และหลังจากสงครามจบลงก็จะเป็นเครื่องการันตีความเข้มแข็งให้คลังอาวุธของพวกท่านด้วย”
ที่มา : รอยเตอร์