วิกเตอร์ บูท (Viktor Bout) นักค้าอาวุธรายใหญ่ชาวรัสเซียเจ้าของฉายา “พ่อค้าความตาย” กลับมาทำธุรกิจค้าอาวุธข้ามชาติอีกครั้ง หลังถูกตัดสินจำคุกในสหรัฐฯ และได้รับการปล่อยตัวกลับรัสเซียในโครงการแลกเปลี่ยนนักโทษกับนักบาสเกตบอลหญิง บริตนีย์ ไกรเนอร์ เมื่อ 2 ปีก่อน ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ)
WSJ อ้างแหล่งข่าวด้านความมั่นคงในยุโรปและแหล่งข่าวที่ไม่ประสงค์ออกนามอีกหลายคนซึ่งระบุว่า บูท กำลังทำหน้าที่เป็น “นายหน้า” ขายอาวุธเบาต่างๆ ให้กองกำลังกบฏฮูตีที่มีอิหร่านหนุนหลังอยู่
“ตอนที่ผู้แทนกบฏฮูตีเดินทางไปมอสโกเมื่อเดือน ส.ค. เพื่อเจรจาขอซื้ออาวุธอัตโนมัติมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์ พวกเขาได้เจอกับคนที่คุ้นหน้า ซึ่งก็คือ บูท” WSJ ระบุ
อย่างไรก็ตาม รายงานชิ้นนี้อ้างว่าอาวุธยังไม่ได้ถูกส่งมอบถึงมือกบฏฮูตี และฝ่ายรัสเซีย “ปฏิเสธ” ที่จะขายขีปนาวุธต่อต้านเรือหรือขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน ซึ่งจะเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อกองทัพสหรัฐฯ ที่กำลังปฏิบัติภารกิจปกป้องเส้นทางเดินเรือในทะเลแดงจากการโจมตีของพวกฮูตี
WSJ ยังรายงานด้วยว่า สตีฟ ซิสซู (Steve Zissou) ทนายความนิวยอร์กซึ่งเคยรับหน้าที่ว่าความให้ บูท ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลว่าลูกความของเขาเคยพบกับพวกฮูตีหรือไม่ ในขณะที่โฆษกกบฏฮูตีเองก็ไม่ขอให้ความเห็นเช่นกัน
ล่าสุด ตัว บูท เองได้ออกมาตอบโต้ WSJ เมื่อวันจันทร์ (7) โดยระบุว่า เรื่องที่เขาเป็นนายหน้าจัดหาอาวุธเบาให้พวกฮูตีนั้นเป็น “เฟกนิวส์” ที่สื่ออเมริกันจงใจปล่อยออกมาในช่วงวันเกิดของประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ซึ่งตรงกับวันที่ 7 ต.ค.
ด้าน ดมิตรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ก็ระบุเช่นกันว่า รัสเซียมองรายงานชิ้นนี้ของ WSJ ว่าจัดอยู่ในประเภท “ข่าวปลอม”
หลังถูกส่งตัวกลับรัสเซียในเดือน ธ.ค. ปี 2022 บูท ในวัย 57 ปี ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค Liberal Democratic Party (LDPR) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองสายชาตินิยมจัดโปรเครมลิน และทำกิจกรรมต่างๆ แบบ “โลว์-โปรไฟล์” เรื่อยมา
บูท เคยเป็นอาชญากรซึ่งเป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดในโลก ก่อนมาถูกจับกุมในประเทศไทยเมื่อปี 2008 ด้วยข้อหาเกี่ยวกับการค้าอาวุธหลายกระทง และถูกเนรเทศไปยังสหรัฐฯ ต่อมาในปี 2012 ถูกศาลแมนฮัตตันพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 25 ปี
ชายคนนี้ยังขึ้นชื่อว่าเป็นนักค้าอาวุธที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ที่สุด และเคยจัดจำหน่ายอาวุธให้พวกรัฐอันธพาล องค์กรกบฏ และกลุ่มติดอาวุธทั้งในแอฟริกา เอเชีย และอเมริกาใต้
ที่มา : รอยเตอร์