xs
xsm
sm
md
lg

PLANET #3: เมื่อผู้ก่อการร้ายต่อสู้กันยืดเยื้อ คนในกาซาก็ต้องตายเป็นเบือ อัตราฆ่าล้างแค้นในรอบ 1 ปีนับจาก 7 ตุลา 2023 คือ ยิวตาย 1 : ปาเลสไตน์ตาย 35 คงถึง 1 : 100 ในเร็ววัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เมื่อคุณอาอินาส อะบู มัวมาร์ กอดร่างน้อยไร้วิญญาณของหนูซัลลี หลานรักไว้แนบอก โดยมือขวาโอบประคองส่วนที่เคยเป็นแก้มเปล่งปลั่ง ดั่งจะรับขวัญยัยตัวน้อยว่าคุณอามารับหนูกลับบ้าน นั้น คุณอาอินนาส ซุกใบหน้าแนบผ้าห่อศพและร่ำไห้ ดวงใจสลาย พลางเห่กล่อมปลอบประโลมหลานรัก
หนูซัลลี เด็กหญิงปาเลสไตน์วัย 5 ขวบ เป็นแก้วตาดวงใจของคุณอาด้วยความร่าเริงแจ่มใสช่างฉอเลาะ แต่ในวันที่ 17 ตุลาคม 2023 เธอเหลือเพียงร่างแหลกลาญไร้ลมหายใจ หลังจากที่กองกำลังสู้รบชาวยิวสาดขีปนาวุธห่าใหญ่เข้าถล่มพื้นที่ตอนใต้ของฉนวนกาซา ซึ่งก็คือ 10 วันให้หลัง นับจากวันที่ 7 ตุลาคม 2023

ทั้งนี้ ปฏิบัติการล้างแค้นแห่งกองทัพอิสราเอล ที่ใช้ชื่อว่า กองกำลังป้องกันตนเองแห่งอิสราเอล หรือ ไอดีเอฟ ได้บดขยี้ฆ่าทำลายทั้งบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ทั้งโรงเรียน มัสยิด และทั้งสถานพยาบาล ฯลฯ รวมมากกว่าสองหมื่นอาคารพังพินาศย่อยยับ และทั้งคร่าชีวิตประชาชนทุกเพศทุกวัยนับพันรายให้แหลกลาญอย่างไม่เป็นธรรมเอาเลย

คุณอาอินาส อะบู มัวมาร์ ซึ่งไปติดต่อขอรับศพถึงกับเข่าทรุด หนูซัลลีหลานรักที่เคยเต็มไปด้วยพลังเจ๊าะแจ๊ะ กระโดดกระเต้นเล่นสนุกไปทั่วบ้าน เหลือเพียงแค่ห่อผ้าขาวยาวไม่ถึง 1 หลา เดาไม่ได้เลยว่าภายในห่อผ้านั้นเหลืออะไรบ้าง

น้องนอนนิ่งไม่ไหวติง ไม่สามารถร้องขอให้คุณอาถ่ายรูปช็อตจิ้มลิ้มต่างๆ ได้อีกแล้ว

เมื่อกอดร่างน้อยไร้วิญญาณของหลานไว้แนบอก โดยมือขวาโอบประคองส่วนที่เคยเป็นแก้มเปล่งปลั่ง ดั่งจะรับขวัญยัยตัวน้อยว่าคุณอามารับหนูกลับบ้าน นั้น คุณอาอินนาส ซุกใบหน้าแนบห่อผ้าและร่ำไห้ ดวงใจสลาย พลางเห่กล่อมปลอบประโลมหลานรัก

ซัลลีวัยเพียง 5 ขวบ ไปร่วมขบวนกับฮามาสหรือก็เปล่า ทำไมน้องต้องตกเป็นเหยื่อการแก้แค้นของรัฐบาลยิวด้วยเล่า!?! ชาวโลกช่วยกันร้องถามด้วยความสงสาร และแม้แต่ชาวยิวจิตใจดีงามและไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลเนทันยาฮู ก็ถามอย่างนี้อยู่ในใจเช่นกัน

ช่างภาพรอยเตอร์นามว่า โมฮัมเหม็ด ซาเลม ซึ่งเก็บภาพสะเทือนใจต่างๆ ในโรงพยาบาล บันทึกนาทีหลั่งน้ำตาน่าเวทนาไว้ได้ ภาพแห่งความโหดร้ายของสงครามยิวฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ กรีดจารึกบนจิตใจชาวโลก แล้วภาพสะเทือนใจอย่างยิ่งนี้ก็ชนะรางวัลพูลิตเซอร์สประเภทภาพข่าวด่วนประจำปี 2024

การสังหารน้องซัลลีด้วยขีปนาวุธ มีรูปการณ์ละม้ายชะตากรรมของครอบครัวชาวปาเลสไตน์จำนวนมหาศาล คือ ตายแทบจะยกครัว

เด็กหญิงซัลลีกลับสู่สรวงสวรรค์พร้อมคุณแม่กับน้องสาววัยทารก คุณตาคุณยาย คุณลุงคุณป้า และลูกพี่ลูกน้องอีก 2 ชีวิต โดยมี หนูอาห์หมัด น้องชาย 4 ขวบรอดชีวิตได้

ทั้งนี้ บุญรักษาเป็นอย่างยิ่งที่ว่าบ้านของคุณอาไม่ได้ถูกแรงระเบิดทำลายลงเป็นกองซากปรักหักพังดั่งที่บ้านของน้องซัลลี ดังนั้นน้องอาห์หมัดจึงมีคุณอาให้ความอุปการะ

หนูอาห์เหม็ดซึ่งเป็นเด็กดี ว่าง่าย ไม่งอแง กลายเป็นเด็กเศร้าสร้อย และแม้จะมีคุณอาเป็นคุณแม่คนใหม่ที่รักและเมตตาน้องอย่างยิ่ง และคอยหมั่นกอดกับจูบแก้ม แต่น้องก็อาวรณ์หวนหาคุณแม่บนสวรรค์เสมอ
หลังโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่นี้ เส้นทางชีวิตที่รออยู่ข้างหน้าคุณอาอินาส มัวมาร์ กับหลานอาห์หมัด คือ การตกระกำลำบากและความอดอยากหิวโหย โดยในหลายๆ ไตรมาสต่อมา ทั้งสองพร้อมทั้งครอบครัวของคุณอาอินาสต้องโยกย้ายหนีภัยการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลรวม 3 ครั้ง โดยมีหนึ่งช่วงที่ต้องพักอาศัยอยู่ในเต้นท์นาน 4 เดือน ข้อมูลจากรอยเตอร์ระบุอย่างนั้น

รอยเตอร์รายงานด้วยว่าปัจจุบันนี้ คุณอาอินาส มัวมาร์ พาหลานชายกลับเข้าบ้านของคุณอาในเมืองข่านยูนิส แล้ว

ทั้งนี้ สภาพบ้านเสียหายมากมายจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศโดยอิสราเอล ซึ่งรวมถึงสภาพหลังคาฉีกเปิด และเห็นท้องฟ้าแจ่มชัด และส่วนของกำแพงที่ต่ำลงมา ถูกถล่มเป็นช่องโตๆ ขนาดใหญ่กว่าบานหน้าต่าง และคุณอาอินาส มัวมาร์แก้ปัญหาไปพลางก่อนโดยขึงผ้าม่านห้องน้ำปิดช่องไว้

“เราสิ้นหวังกับทุกสิ่งทุกอย่างแล้วค่ะ” คุณอาของหนูซัลลีกล่าวกับนักข่าวรอยเตอร์ขณะนั่งในท่ามกลางซากหินและคอนกรีตที่สุสานเล็กๆ ข้างบ้าน โดยที่ว่าภายใต้ซากปรักหักพังคือหลุมศพของสาวน้อยซัลลี

“ดูเถอะค่ะ แม้แต่หลุมศพก็ไม่ได้ปลอดภัยอะไรเลย” อินาส มัวมาร์ พูดกับรอยเตอร์ในอารมณ์หดหู่

ฮามาส กลุ่มติดอาวุธฝ่ายปาเลสไตน์ เปิดปฏิบัติการสังหารโหดชาวยิวเกือบ 1,200 ราย ในวันที่ 7 ตุลาคม 2023 โดยเหยื่อส่วนใหญ่เป็นประชาชน พร้อมทั้งยังจับตัวประกันไปประมาณ 250 ราย ทางการอิสราเอลประกาศตัวเลขไว้อย่างนั้น

ในวันเดียวกัน กองกำลังติดอาวุธฝ่ายอิสราเอลทำการแก้แค้นทันทีด้วยการถล่มขีปนาวุธเข้าใส่กาซา โดยประกาศว่าวัตถุประสงค์ของปฏิบัติการคือการกำจัดฮามาสให้หมดสิ้น

วันเวลาผ่านไปครบหนึ่งปี ปฏิบัติการของยิวสังหารผู้คนในกาซาล้มตายกลาดเกลื่อน รวมได้ประมาณ 41,500 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือนทุกเพศทุกวัย

เมื่อคำนวณคร่าวๆ จะเห็นสัดส่วนการเสียชีวิตของสองฝ่ายว่า ชาวยิวที่ถูกฮามาสสังหาร 1 ราย ได้รับการแก้แค้นด้วยความตายของชาวปาเลสไตน์ที่ถูกสังหาร 35 ราย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทหารยิวบอกว่าการถล่มกาซาเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อให้อิสราเอลบรรลุเป้าหมายแห่งการบดขยี้ฮามาส เพราะยิวกล่าวหาว่าฮามาสแฝงตัวซ่อนเร้นอยู่ในหมู่ประชาชนปาเลสไตน์ ฮามาสประกาศปฏิเสธข้อกล่าวหา รอยเตอร์รายงาน

เด็กหญิงซัลลีเป็นเด็กร่าเริง ช่างฉอเลาะ น้องมักที่จะขอให้คุณอาคนโปรดถ่ายภาพตัวเธอ คุณอาอินาสเล่าว่า พอกดถ่ายภาพให้ 2-3 ภาพ หนูซัลลีก็จะร้องขอว่า “ถ่ายรูปหนูเพิ่มอีกค่ะ ถ่ายเพิ่มอีกนะคะ”
ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ และความชะตาขาดของครอบครัวน้องซัลลี

สถานการณ์ของฉนวนกาซาในห้วงก่อนการสังหารหมู่ชาวยิวเมื่อ 7 ตุลาคม 2023 ตึงเครียด อิสราเอลตั้งด่านตรวจเข้มงวด นอกจากนั้นการจ้างงานลดน้อยลง ขณะที่สินค้าที่นำเข้าไปขายในกาซาก็ลดฮวบ อย่างไรก็ตาม ครอบครัวของคุณอาอินาส สามารถตั้งหลักปักฐานได้

อินาส อะบู มัวมาร์ ตั้งบ้านเรือนอยู่ด้วยกันกับสามี ซึ่งอยู่ใกล้บ้านของพี่ชายนามว่า ราเมซ ผู้เป็นคุณพ่อของน้องซัลลีและน้องอาห์เหม็ด ดังนั้น อินาสจึงใกล้ชิดสนิทมากกับหลานอาทั้งสอง

หลังเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2023 การระดมยิงขีปนาวุธถล่มภาคใต้ของกาซาอย่างดุเดือด กระทบกระเทือนเฉียดบ้านของอินาสและพี่ชายเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น ในวันที่ 16 ตุลาคม 2023 ราเมซจึงหอบภรรยาและลูกๆ ไปพักพิงที่บ้านพ่อตาแม่ยายซึ่งห่างออกไปราว 1 กิโลเมตร

แต่การณ์กลับกลายเป็นว่าในวันรุ่งขึ้น 17 ตุลาคม 2023 บ้านพ่อตาแม่ยายถูกทำลายย่อยยับ เสียชีวิตกันเกือบหมดบ้าน แต่ข่าวของรอยเตอร์มิได้ให้ข้อมูลว่า ราเมซกับน้องอาห์เหม็ด ผู้เป็นลูกชาย รอดตายด้วยปัจจัยอันใดบ้าง แต่พอจะทราบได้ว่าหนูอาห์เหม็ดไม่ได้รับบาดเจ็บ

เมื่อทราบข่าวร้าย อินาสตรงไปยังโรงพยาบาลนัสเซอร์ในเมืองข่านยูนิสทันที ไปถึงก็พบหนูอาห์เหม็ด เธอรีบคว้าตัวหลานชายไว้เลยเพื่อมิให้พลัดหลงกัน แล้วไปชี้ตัวผู้เสียชีวิตในห้องดับจิต

อินาสพบศพของหลานสาวแสนรัก เธออุ้มหนูซัลลีมานั่งกอดและเห่กล่อมปลอบโยน คุณหมอเดินมาบอกให้เธอตัดใจ แต่เธอตอบคุณหมอพร้อมน้ำตาว่าขอเวลากอดลาหลาน

“ดิฉันอยากจะปลุกน้องให้ตื่นจากฝันร้ายค่ะ ดิฉันทำให้ยอมรับไม่ได้เลยว่าน้องสิ้นใจไปแล้ว” อินาสกล่าวกับรอยเตอร์

โมฮัมเหม็ด ซาเล็ม ช่างภาพรอยเตอร์บันทึกภาพเหตุการณ์ปวดร้าวที่คุณอาอินาสร่ำไห้กอดและเห่กล่อมปลอบโยนหนูซัลลี พลางซบใบหน้าแนบผ้าห่อศพน้องอย่างร้าวรานใจ ภาพบาดความรู้สึกนี้ได้รับรางวัลเวิล์ดเพรสในฐานะภาพแห่งปี ก่อนจะไปคว้ารางวัลพูลิตเซอร์ประเภทภาพข่าวด่วน

ณ โรงพยาบาลนัสเซอร์ในเมืองข่านยูนิส คุณอาอินาส อะบู มัวมาร์ ของหนูซัลลี ร่ำไห้กอดและเห่กล่อมปลอบโยนร่างไร้ลมหายใจของหลานตัวน้อย พลางซบใบหน้าแนบผ้าห่อศพน้องอย่างร้าวรานใจ ภาพบาดความรู้สึกนี้ถูกบันทึกโดยโมฮัมเหม็ด ซาเล็ม ช่างภาพรอยเตอร์ และปรากฏว่าภาพได้รับรางวัลเวิล์ดเพรสในฐานะภาพแห่งปี ก่อนจะไปคว้ารางวัลพูลิตเซอร์ประเภทภาพข่าวด่วน

หนึ่งปีผ่านไป แต่ความปวดร้าวใจยังหลอนความรู้สึกของคุณอาอินาสไม่เสื่อมคลาย เธอมักที่จะแวะไปนั่งคิดถึงหนูซัลลีที่สุสานอันมีหลุมศพเล็กๆ รอต้อนรับคุณอา สุสานแห่งนี้เต็มไปด้วยซากปรักหักพังเกลื่อนกล่นไปทั่ว

ต้องขอบคุณเทคโนโลยีสมาร์ทโฟน ที่เอื้อให้การถ่ายภาพนิ่งและการถ่ายคลิปวิดีโอ เป็นไปอย่างง่ายดายโดยไม่เสียเงิน อินาส อะบู มัวมาร์ จึงมีคลังภาพของหลานซัลลีแสนรัก ไว้ปลอบใจยามคิดถึงอย่างมากมาย
ครอบครัวคุณอาอินาสพร้อมด้วยหนูอาห์เหม็ดต้องเร่ร่อนในฐานะผู้พลัดถิ่นนานหลายเดือน

อิสราเอลแถลงว่าได้โจมตีสมาชิกฮามาสที่เป็นบุคคลเป้าหมายไปแล้ว 5,000 รายภายในฉนวนกาซานับจากวันมหาวิปโยค 7 ตุลาคม 2023 จดจนถึงวันที่ 17 ตุลาคม 2023 วันซึ่งหนูซัลลีวัย 5 ขวบ ถูกสังหารในปฏิบัติการทางอากาศของทหารยิว ด้านหน่วยงานสาธารณสุขของปาเลสไตน์แถลงว่าในห้วงเดียวกัน มีประชาชนราว 3,000 รายถูกสังหาร โดยในจำนวนนี้เป็นเด็กๆ 940 ราย

ในเบื้องแรก กองกำลังป้องกันตนเองแห่งอิสราเอล (ไอดีเอฟ) มิได้แสดงความเห็นใดๆ กับข่าวที่เปิดโปงว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศได้สังหารเด็กหญิงซัลลี วัยเพียง 5 ขวบ

แต่แล้วในเวลา 6 วันต่อมา มีครอบครัวชาวปาเลสไตน์ในเมืองข่านยูนิส ถูกสังหารอีก โฆษกไอดีเอฟจึงแถลงว่า

“ฮามาสหยั่งรากอยู่ในท่ามกลางประชาชนไปทั่วพื้นที่ฉนวนกาซา ดังนั้น สถานที่ใดก็ตามที่ฮามาสปรากฏตัว ไอดีเอฟจะโจมตีทันที เพื่อทำลายศักยภาพของผู้ก่อการร้าย”

โดยอีกนัยหนึ่งก็คือ การโจมตีจะพุ่งออกไป โดยไม่คำนึงถึงชีวิตหรือเลือดเนื้อของผู้คนและลูกเล็กเด็กน้อยใดๆ ทั้งสิ้น

ในเดือนธันวาคม 2023 ขณะที่ทางการปาเลสไตน์ประกาศว่ายอดผู้เสียชีวิตในกาซาพุ่งขึ้นแตะระดับ 15,000 รายแล้ว และในเวลาเดียวกัน อิสราเอลก็เตรียมจะขยายขอบเขตการทำลายเขตตอนใต้ของกาซาโดยใช้กำลังทหารภาคพื้นดิน นั้น สามีของอินาส พาภรรยากับหนูอาห์เหม็ด ตลอดจนเครือญาติในเมืองข่านยูนิส อพยพตามคำแนะนำของทางการ โดยไปยังเขตมาวาซี ซึ่งติดทะเล และเป็นศูนย์พักพิงชาวปาเลสไตน์พลัดถิ่น ในห้วงเวลาเหล่านั้น ทุกคนต้องกินอยู่หลับนอนในเต้นท์ผู้อพยพนานถึง 4 เดือน

แต่แล้วทุกคนก็ต้องอพยพกันอีกสองครั้ง เมื่อไอดีเอฟทำศึกกับฮามาสไปทั่วภาคใต้ของกาซา

บัดนี้ คุณอาอินาสกับหนูอาห์เหม็ดได้กลับเข้าพักอาศัยในบ้านที่เมืองข่านยูนิสแล้ว แม้ตัวบ้านจะค่อนข้างยับเยินด้วยแรงระเบิด โดยอินาสกล่าวกับรอยเตอร์ว่า จะไม่อพยพไปไหนแล้ว

คุณอาอินาสเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบชุดโปรดของหนูซัลลีออกมาหอมเบาๆ ชุดโปรดตัวนี้สีดำ มีปักลวดลายสีแดง สไตล์ปาเลสไตน์ดั้งเดิม

“เราแค่รอให้ลำธารสายเลือดนองแผ่นดินนี้ ปิดฉากลงค่ะ” อินาสกล่าว

สภาพของบ้านเรือนที่อยู่อาศัยในฉนวนกาซา ที่ถูกถล่มทำลายโดยปฏิบัติการทางอากาศของทหารยิว สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าทำไมจึงมีผู้ถูกสังหารมหาศาลถึง 41,500 ราย ภายในเวลาเพียงหนึ่งปี
คอลัมน์ PLANET No.3

โดย รัศมี มีเรื่องเล่า


(ที่มา: รอยเตอร์)

กำลังโหลดความคิดเห็น