ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ระบุวานนี้ (4 ต.ค.) ว่า ถ้าตนเป็นอิสราเอลก็คงจะพิจารณา “ทางเลือกอื่นๆ” นอกเหนือไปจากการโจมตีแหล่งน้ำมันอิหร่านเพื่อแก้แค้น แต่ขณะเดียวกัน ก็เชื่อว่ารัฐบาลเทลอาวีฟน่าจะยังไม่ได้ตัดสินใจแน่นอนว่าจะตอบโต้การโจมตีของอิหร่านอย่างไร
“ฝ่ายอิสราเอลยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะทำอย่างไรในแง่ของการโจมตี พวกเขายังคงหารือกันอยู่” ไบเดน ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนระหว่างแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว
“แต่ถ้าผมเป็นพวกเขา ผมคงจะพิจารณาทางเลือกอื่นๆ ที่นอกเหนือจากการโจมตีแหล่งน้ำมัน”
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ไบเดน ก็เคยออกมาปรามอิสราเอลไม่ให้คิดโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านนิวเคลียร์ของอิหร่านมาแล้ว
ความตึงเครียดระหว่างอิหร่านและอิสราเอลทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่รัฐยิวกำลังตัดสินใจว่าจะตอบโต้ที่อิหร่านยิงมิสไซล์ถล่มเกือบ 200 ลูกเมื่อวันอังคาร (1 ต.ค.) อย่างไร
รัฐบาลอิหร่านระบุว่าการยิงโจมตีครั้งนี้เป็นไปเพื่อแก้แค้นที่อิสราเอลใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อเลบานอนและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์
ผู้สื่อข่าวยังถาม ไบเดน ด้วยว่า การที่นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลปฏิเสธแนวทางเจรจาการทูตเป็นเพราะต้องการสร้างอิทธิพลต่อศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีในสหรัฐฯ ที่มีอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส เป็นคู่ดวลกันหรือไม่
“เขาจะต้องการสร้างอิทธิพลต่อศึกเลือกตั้งที่นี่หรือไม่ผมไม่ทราบ และผมไม่ได้สนใจเรื่องนั้น” ไบเดน กล่าว พร้อมกับย้ำว่า “ไม่มีรัฐบาลอเมริกันชุดไหนที่ช่วยเหลืออิสราเอลมากไปกว่าผมอีกแล้ว”
ความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์ที่คุกรุ่นมานานหลายสิบปีถึงจุดระเบิดจนกลายเป็นสงครามครั้งล่าสุด หลังจากที่กลุ่มติดอาวุธฮามาสได้บุกโจมตีภาคใต้อิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ปี 2023 และสังหารผู้คนที่นั่นไปราว 1,200 คน ก่อนจะจับชาวอิสราเอลและต่างชาติกลับไปเป็นตัวประกันที่กาซาอีกกว่า 250 คน
อิสราเอลได้เปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและภาคพื้นดินเพื่อแก้แค้นและกวาดล้างกลุ่มฮามาสอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตไปแล้วกว่า 41,000 คนตามข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขกาซา และยังทำให้ประชากรทั้งหมดในดินแดนแห่งนี้ต้องพลัดถิ่นฐาน ก่อวิกฤตความอดอยาก และทำให้อิสราเอลเผชิญข้อครหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งรัฐบาลยิวยืนกรานปฏิเสธ
ขณะเดียวกัน การที่อิสราเอลยิงโจมตีเลบานอนก็ได้คร่าชีวิตผู้คนที่นั่นไปแล้วหลายร้อย มีคนบาดเจ็บอีกนับพันๆ คน และอีกกว่า 1 ล้านคนต้องละทิ้งบ้านเรือนหนีตาย โดยอิสราเอลอ้างว่าที่ทำลงไปทั้งหมดตั้งใจทำลายฐานที่มั่นของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่มีอิหร่านหนุนหลังอยู่
ที่มา : รอยเตอร์, bloomberg