เอเจนซีส์/เอพี - บริษัทผลิตเหล็กกล้าชื่อดัง TATA Steel UK ใหญ่ที่สุดในอังกฤษและเก่าแก่กว่า 100 ปี ปิดกิจการผลิตเหล็กแบบดั้งเดิม ส่งผลพนักงานโรงงานแดนผู้ดีนับพันต้องตกงาน รวมโรงงานไฟฟ้าพลังงานถ่านหินเปิดมาตั้งแต่ปี 1967 อายุ 142 ปี
สกายนิวส์ของอังกฤษรายงานวันจันทร์ (30 ก.ย.) ว่า โรงเตาหลอมเหล็กที่ 4 (Blast Furnace 4) ของบริษัท TATA Steel UK ในเมืองพอร์ต ทัลบ็อต (Port Talbot) ในเซาท์เวลส์ (South Wales) ปิดอย่างเป็นทางการในบ่ายวันจันทร์ (30 ก.ย.) และเหล็กกล้าที่ผลิตได้ล็อตสุดท้ายของโรงงานที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษจะทำการผลิตในค่ำวันเดียวกัน
ควันไฟสีขาวโชยออกมาจากปล่องโรงงานเตาหลอมเหล็กเป็นครั้งสุดท้ายหลังเวลา 17.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นวันจันทร์ (30 ก.ย.) จารึกประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมผลิตเหล็กที่ยาวนานกว่า 100 ปีของอังกฤษในเวลส์
โฆษก TATA Steel UK ยืนยันว่า มีการนำผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าออกไปจากเตาหลอมเป็นครั้งสุดท้าย ซีอีโอใหญ่บริษัทเหล็กอังกฤษ ราเจช นาอีร์ (Rajesh Nair) ออกแถลงการณ์ทางอีเมลไปยังพนักงานบริษัทยอมรับว่า “เป็นวันที่ยากลำบาก” ทางด้านจิตใจและความนึกคิด
ทั้งนี้ บริษัท TATA Steel กำลังเปลี่ยนเตาหลอมเหล็กแบบดั้งเดิมเป็นเตาหลอมไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะใช้กับเศษเหล็กที่หาได้ภายในอังกฤษเอง และจะกลับมาเปิดดำเนินการได้ในปี 2028
การเปลี่ยนแปลงต้องใช้เงินลงทุนถึง 1.2 พันล้านปอนด์ ที่ 500 ล้านปอนด์จะมาจากรัฐบาลอังกฤษ และจะนำมาสู่การตกงานเกือบ 3,000 คน หรือราว 75% ของแรงงานทั้งหมดทีเดียว
เอพีรายงานว่า การเลิกการผลิตเหล็กกล้าของ TATA Steel UK นั้นพร้อมไปกับการเลิกกิจการของโรงงานไฟฟ้าพลังถ่านหินอายุเก่า 142 ปีก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1967 อ้างอิงปีจากสื่อนอตติงแฮมโพสต์ สถานีโรงไฟฟ้าแรตคลิฟฟ์ (The Ratcliffe-on-Soar station) ทางภาคกลางอังกฤษที่จะเสร็จสิ้นกะการผลิตสุดท้ายในเวลาเที่ยงคืนของวันจันทร์ (30 ก.ย.) เป็นการประกาศลายุคเปลี่ยนถ่านหินให้เป็นพลังงานไฟฟ้าในแดนผู้ดี
นอตติงแฮมโพสต์ของอังกฤษรายงานว่า รัฐบาลอังกฤษในครั้งแรกประกาศเมื่อปี 2015 ต้องการสิ้นสุดยุคพลังงานไฟฟ้าถ่านหินอังกฤษในอีก 10 ปีข้างหน้า แต่ทว่าการรุกรานยูเครนที่ไม่ชอบธรรมจากประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน กระทบต่อเป้าหมายของถนนดาวนิง ส่งผลทำให้โรงงานไฟฟ้าถ่านหินต้องยังคงทำการผลิตต่อไปยาวนาวกว่าที่เคยคาดหมายเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานอังกฤษ
เอพีรายงานว่า รัฐมนตรีพลังงานอังกฤษ ไมเคิล แชงค์ส (Michael Shanks) กล่าวถึงการปิดโรงงานไฟฟ้าพลังงานถ่านหินว่า
“เป็นการเสมือนการสิ้นสุดของยุคและคนงานโรงงานพลังงานถ่านหินอังกฤษสมควรที่ต้องภาคภูมิใจต่อการให้พลังงานต่อประเทศของพวกเรามาเป็นเวลากว่า 140 ปี พวกเราในฐานะเป็นหนี้บุญคุณคนเหล่านั้น”
และแชงค์สกล่าวต่อว่า “ถึงแม้ยุคถ่านหินจะสิ้นสุดลง แต่ทว่า ยุคใหม่ของงานพลังงานที่ดีสำหรับประเทศของเราเพิ่งจะเริ่มต้น”
เอพีรายงานว่า โรงงานไฟฟ้าถ่านหินแรกของโลก โรงไฟฟ้าเอดิสันของทอมัส เอดิสันเปิดในกรุงลอนดอนเมื่อปี 1882
ในปี 1990 พลังงานถ่านหินผลิตกระแสไฟฟ้าให้อังกฤษราว 80% แต่ทว่าภายในปี 2012 พลังงานจากถ่านหินตกไปที่ 39% และในปี 2023 เหลืออยู่แค่ 1% อ้างอิงข้อมูลจากองค์การไฟฟ้าอังกฤษ National Grid
เป็นเพราะในปัจจุบันอังกฤษหันไปพึ่งพาการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้นว่า พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และที่เหลือมาจากก๊าซธรรมชาติ และพลังงานนิวเคลียร์