เฮอริเคนเฮเลน (Helene) ซัดถล่มรัฐฟลอริดา ก่อนจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อนซึ่งทำให้เกิดน้ำท่วมสูงและดินถล่มในหลายพื้นที่ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ (27 ก.ย.) โดยล่าสุด มีรายงานผู้เสียชีวิตจากพายุแล้วอย่างน้อย 43 คน ขณะที่ประชาชนอีกกว่า 3.5 ล้านครัวเรือน และภาคธุรกิจต้องเผชิญปัญหาไฟฟ้าดับ
เฮเลนซึ่งเป็นพายุเฮอริเคนระดับ 4 พัดขึ้นฝั่งที่เขตบิ๊กเบนด์ของรัฐฟลอริดาในช่วงค่ำวันพฤหัสบดี (26) ด้วยความเร็วลมสูงถึง 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยอิทธิพลของพายุได้ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนและเรือที่จอดอยู่ในอ่าวได้รับความเสียหาย ต้นไม้ใหญ่หักโค่น รถยนต์หลายคันจมน้ำ และเกิดน้ำท่วมถนนหลายสาย
ต่อมา ในช่วงบ่ายวันศุกร์ (27) พายุได้อ่อนกำลังลงเป็นดีเปรสชันเขตร้อน โดยมีความเร็วลมสูงสุดอยู่ที่ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตามข้อมูลจากศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม อิทธิพลของพายุเฮเลนยังก่อให้เกิดอุทกภัยรุนแรงในหลายพื้นที่ โดยมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เข้าช่วยเหลือประชาชนกว่า 50 คนที่ติดอยู่บนหลังคาของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเทศมณฑลยูนิคอย (Unicoi) รัฐเทนเนสซี ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองน็อกซ์วิลล์ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 200 กิโลเมตร หลังจากที่ชุมชนแห่งนี้เกิดน้ำท่วมใหญ่ ขณะที่ ร็อบ มาร์ทิส นายกเทศมณฑลค็อก (Cocke County) ในรัฐเทนเนสซี ได้สั่งอพยพประชาชนในย่านใจกลางเมืองนิวพอร์ตเนื่องจากเกรงว่าอ่างเก็บน้ำในพื้นที่อาจจะแตก
ที่เทศมณฑลพิเนลลัส (Pinellas) ใกล้เมืองแทมปา รัฐฟลอริดา ผู้ปกครองเทศมณฑลยอมรับว่าไม่เคยพบเห็นความเสียหายหนักขนาดนี้มาก่อน และภาพที่เห็นนั้นดูเหมือน “เขตสงคราม”
มีรายงานว่าประชาชน 3.5 ล้านครัวเรือนใน 5 รัฐยังคงไม่มีไฟฟ้าใช้ ขณะที่ทางการเตือนว่าอาจต้องใช้เวลาอีก “หลายวัน” กว่าจะซ่อมแซมระบบไฟฟ้าที่เสียหายให้กลับมาเป็นปกติ
นักวิทยาศาสตร์หลายคนออกมาเตือนแล้วว่า ความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศมีส่วนทำให้พายุเฮอริเคนทวีความรุนแรง และก่อความเสียหายหนักกว่าที่เคยเป็นมา
ที่มา : รอยเตอร์
