ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ประกาศมอบความช่วยเหลือทางทหารให้ยูเครนเพิ่มอีก 8,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 259,000 ล้านบาท) เมื่อวานนี้ (26 ก.ย.) เพื่อใช้ต้านทานการบุกของรัสเซีย
ความช่วยเหลือรอบนี้ยังรวมถึงระเบิดร่อนความแม่นยำสูงที่เรียกว่า Joint Standoff Weapon ซึ่งมีพิสัยทำการสูงสุด 130 กิโลเมตร โดยขีปนาวุธพิสัยกลางนี้ถือเป็นการอัปเกรดอาวุธให้กองทัพยูเครนสามารถใช้โจมตีกองกำลังรัสเซียได้จากระยะที่ปลอดภัยขึ้น
อาวุธชนิดนี้สามารถปล่อยจากเครื่องบินขับไล่ได้ และมีศักยภาพในการโจมตีเป้าหมายอย่างแม่นยำ
อย่างไรก็ตาม ไบเดน ไม่ได้ประกาศชัดเจนว่าสหรัฐฯ จะอนุญาตให้ยูเครนนำขีปนาวุธอเมริกันไปใช้โจมตีเป้าหมายซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซียหรือไม่
“เราขอยืนยันชัดเจนว่า เราพร้อมที่จะยืนหยัดเคียงข้างยูเครนต่อไปในอนาคต” ไบเดน ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ก่อนหารือกับประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว
ไบเดน ย้ำด้วยว่าสหรัฐฯ จะค้ำจุนจุดยืนในสนามรบของยูเครน และได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหมเบิกจ่ายงบประมาณด้านความมั่นคงทั้งหมดที่จัดสรรไว้ให้ยูเครนให้เรียบร้อย ก่อนที่ตนจะหมดวาระลงในเดือน ม.ค.
เซเลนสกี ได้เอ่ยขอบคุณ ไบเดน พร้อมระบุว่าความช่วยเหลือของสหรัฐฯ สำคัญยิ่งต่อเป้าหมายของยูเครนในการเข้าร่วมสหภาพยุโรปและองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ในอนาคต
ที่ผ่านมา เซเลนสกี พยายามรบเร้าขอนำยูเครนเข้านาโต ทว่ายังคงถูกกลุ่มพันธมิตรทางทหารปฏิเสธอยู่
งบช่วยเหลือก้อนใหญ่ 5,500 ล้านดอลลาร์จะถูกเบิกจ่ายภายในวันจันทร์ (30) ก่อนสิ้นปีงบประมาณปัจจุบัน ส่วนอีก 2,400 ล้านดอลลาร์ซึ่งเป็นงบในโครงการความริเริ่มการช่วยเหลือด้านความมั่นคงยูเครน (Ukraine Security Assistance Initiative - USAI) จะเปิดทางให้รัฐบาลสหรัฐฯ สามารถสั่งซื้ออาวุธจากผู้ผลิตเพื่อส่งให้ยูเครน โดยไม่ต้องดึงออกมาจากคลังสำรองของสหรัฐฯ เอง
ไบเดน กล่าวว่า ความช่วยเหลือครั้งนี้จะครอบคลุมตั้งแต่ระบบป้องกันภัยทางอากาศ ระบบอากาศยานไร้คนขับ กระสุนชนิดยิงจากพื้นดินสู่อากาศ ตลอดจนการสนับสนุนอุตสาหกรรมอาวุธภายในยูเครนและงานซ่อมบำรุงต่างๆ
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยังเตรียมที่จะส่งมอบระบบขีปนาวุธแพทริออต (Patriot) ให้แก่ยูเครนเพิ่มเติม ขณะที่ ไบเดน ยังสั่งให้เพนตากอนขยายขอบเขตการฝึกฝนนักบินยูเครนให้สามารถใช้งานเครื่องบินขับไล่ F-16 ได้ โดยจะรับนักบินยูเครนมาฝึกเพิ่มอีก 18 คนในปีหน้า
ที่มา : รอยเตอร์