น้ำมันขยับลงมากกว่า 3% ในวันพฤหัสบดี (26 ก.ย.) หลังสื่อมวลชนรายงานซาอุดีอาระเบียละทิ้งเป้าหมายทางราคา เตรียมกลับมาเพิ่มกำลังผลิต ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวกและทองคำทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากแนวโน้มจีนจะเคลื่อนไหวกระตุ้นเศรษฐกิจ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 2.02 ดอลลาร์ ปิดที่ 67.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 1.86 ดอลลาร์ ปิดที่ 71.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ส อ้างอิงแหล่งข่าวใกล้ชิดกับประเด็นนี้ รายงานในวันพฤหัสบดี (26 ก.ย.) ว่าซาอุดีอาระเบีย ชาติผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกกำลังเตรียมการละทิ้งเป้าหมายราคาน้ำมันดิบอย่างไม่เป็นทางการ ที่เคยตั้งเอาไว้ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และพร้อมกลับมาเพิ่มกำลังผลิต
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าว 2 คนในโอเปกพลัส เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันแห่งนี้เตรียมเดินหน้าเพิ่มกำลังผลิตในเดือนธันวาคมเช่นกัน สืบเนื่องจากมันจะส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อย เนื่องจากก่อนหน้านั้นพวกเขามีแผนไฟเขียวให้สมาชิกบางชาติทำการลดกำลังผลิตครั้งใหญ่ เพื่อชดเชยกำลังผลิตที่มากเกินไปในเดือนกันยายนและหลายเดือนหลังจากนั้น
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกในวันพฤหัสบดี (26 ก.ย.) โดยเอสแอนด์พี 500 ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่ ตามหลังผลประกอบการที่แข็งแกร่งของไมครอน เทคโนโลยี (Micron Technology) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของอเมริกา และถ้อยแถลงจากปักกิ่งที่ส่งสัญญาณว่าอาจกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 260.36 จุด (0.62 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 42,175.11 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 23.11 จุด (0.40 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,745.37 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 108.08 จุด (0.60 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 18,190.29 จุด
พวกนักวิเคราะห์ให้คำจำกัดความผลประกอบการของไมครอนว่าเป็นประโยชน์ เพราะไม่ใช่แค่เผยให้เห็นถึงกำไรที่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่ทางบริษัทยังอ้างถึงอุปสงค์ปํญญาประดิษฐ์ที่แข็งแกร่งด้วยเช่นกัน ข้อมูลที่ช่วยกันหุ้นเทคโนโลยีอื่นๆ ในขณะที่หุ้นของไมครอนเอง ก็พุ่งทะยานเกือบ 15%
บรรดานักสังเกตการณ์ตลาดยังชี้ว่าถ้อยแถลงจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ที่ส่งสัญญาณว่าปักกิ่งมีความตั้งใจใช้มาตรการเพิ่มเติมในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งเสริมตลาดเช่นกัน หลังจากปักกิ่งได้แถลงมาตรการต่างๆ ไปก่อนหน้านี้ในช่วงต้นสัปดาห์
แนวโน้มจีนจะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมและสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ผลักให้ราคาทองคำแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพฤหัสบดี (26 ก.ย.) โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 10.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,694.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์/เอเอฟพี)