บอลลูนขยะที่ถูกส่งข้ามมาจากฝั่งเกาหลีเหนือทำให้สนามบินหลัก 2 แห่งในกรุงโซลของเกาหลีใต้ต้องปิดรันเวย์ชั่วคราวแล้วอย่างน้อย 20 ครั้งตั้งแต่เดือน มิ.ย.เป็นต้นมา
ยาง บู-นัม ส.ส.เกาหลีใต้จากพรรคเดโมเครติกปาร์ตี ระบุว่า ท่าอากาศยานอินชอนและกิมโปจำเป็นต้องปิดรันเวย์ไม่ให้เครื่องบินขึ้นลงมาแล้ว 20 ครั้งตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. หลังมีผู้แจ้งพบเห็นบอลลูนขยะของเกาหลีเหนือลอยอยู่ใกล้พื้นที่สนามบิน
ทั้งนี้ หากนับรวมเวลาที่สนามบินทั้ง 2 แห่งต้องระงับเที่ยวบินขึ้นลงเพราะบอลลูนขยะเป็นเหตุ จะคิดเป็นเวลา 413 นาที
เกาหลีเหนือได้ส่งบอลลูนใส่เศษขยะมากกว่า 5,500 ลูกข้ามเข้าไปยังฝั่งเกาหลีใต้ตั้งแต่ช่วงปลายเดือน พ.ค. โดยอ้างว่าเป็นการแก้แค้นที่รัฐบาลโซลปล่อยให้พวกนักเคลื่อนไหวร่อนใบปลิวโจมตีระบอบคิม
บอลลูนเหล่านี้ถูกกระแสลมพัดลอยไปตกในฝั่งเกาหลีใต้ และมีบางครั้งที่ไปตกถึงในทำเนียบประธานาธิบดี หรือบนรันเวย์ของสนามบิน
แม้บอลลูนส่วนใหญ่จะถูกเจ้าหน้าที่เก็บกวาดออกไปโดยไม่สร้างความเสียหายใดๆ แต่ก็มีบางกรณีที่บอลลูนขยะเข้าไปป่วนการขึ้นลงของเที่ยวบินในกรุงโซล และเคยทำให้เกิดเพลิงไหม้ด้วย
จากข้อมูลด้านการบินที่สำนักงานของยาง นำมาเปิดเผยพบว่า ในวันที่ 26 มิ.ย. สนามบินอินชอนต้องปิดรันเวย์รวม 166 นาทีเนื่องจากพบบอลลูนขยะ ซึ่งถือว่านานที่สุดในรอบ 24 ชั่วโมง
ล่าสุด เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (23) สนามบินอินชอนซึ่งมีผู้โดยสารคับคั่งเป็นอันดับ 5 ของโลก และถือเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าทางอากาศที่สำคัญ ก็ต้องระงับเที่ยวบินขึ้นลงนานถึง 90 นาที
บอลลูนขยะเหล่านี้ยังสร้างความปั่นป่วนต่อสนามบินกิมโปทางตะวันตกของกรุงโซล ซึ่งให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศเป็นหลัก
เจ้าหน้าที่สายการบินยอมรับว่า ปฏิบัติการบอลลูนขยะของเกาหลีเหนือกำลังก่อปัญหารบกวนการบิน และในบางครั้งทำให้เครื่องบินต้องเติมเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น เผื่อในกรณีที่เกิดความล่าช้า หรือจำเป็นต้องเปลี่ยนเส้นทางไปลงจอดสนามบินอื่น
กองทัพเกาหลีใต้ได้นำเครื่องมือสอดแนมมาใช้ติดตามเส้นทางของบอลลูนเหล่านี้ตั้งแต่เริ่มถูกปล่อยขึ้นมา ทว่าไม่มีนโยบายยิงทำลาย แม้จะมีเสียงเรียกร้องจาก ส.ส. และองค์กรภาคพลเรือนหลายกลุ่มก็ตาม โดยให้เหตุผลว่าการยิงบอลลูนให้ตกนั้นอาจจะก่อความเสี่ยงต่อประชาชนหรือทรัพย์สินที่อยู่ภาคพื้นดิน
กองทัพโสมขาวประกาศในวันจันทร์ (23) ว่าพร้อมจะตอบโต้ด้วย “ปฏิบัติการทางทหารที่แข็งกร้าว” หากพบว่าเกาหลีเหนือทำการล้ำเส้น แต่ยังไม่ขอชี้แจงรายละเอียด
ที่มา : รอยเตอร์